คุม 136 นักเที่ยวฉี่ม่วง ส่งบำบัด หลังอนุทินนำบุกจับผับ ญาติปรี่ตบหัวหลานแอบหนีเที่ยว

สน.โชคชัย คุม 136 นักเที่ยวฉี่ม่วง ส่งสถานบำบัดฟื้นฟู หลังอนุทินนำฝ่ายปกครอง บุกจับผับย่านประดิษฐมนูธรรม ญาตินักเที่ยวปรี่เข้าตบหัวหลาน ไม่พอใจแอบหนีเที่ยวถูกจับยังยิ้มระรื่น


บช.น. ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เกิดจากการบกพร่อง ปล่อยปละละเลย รู้เห็น หรือรับผลประโยชน์ของตำรวจหรือไม่ ผกก.สน.โชคชัย ยอมรับ ที่ผ่านมาตำรวจเข้าไปตรวจในผับประจำ


จากกรณีเมื่อเวลา 02.20 น. วันที่ 10 ธ.ค.66 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย นำกำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง สนธิกำลังกับตำรวจนครบาล 4 และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. บุกเข้าตรวจค้นสถานบันเทิง SONIC ย่านรามอินทรา ถนนประดิษฐ์มนูธรรม กรุงเทพฯ หลังได้รับข้อมูลว่าเปิดให้บริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด และมีการใช้ยาเสพติดในสถานบริการ


วันที่ 10 ธ.ค. พนักงานสอบสวน สน.โชคชัย คุมตัวนักเที่ยวที่ตรวจพบสารเสพติดในร่างกาย จำนวน 136 คน เป็นชาย 92 คน หญิง 44 คน ที่สมัครใจยอมเข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟูยาเสพติด ไปส่งสำนักงานป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด คลินิกก้าวใหม่ ลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 46 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. โดยผู้เข้ารับการฟื้นฟูทั้งหมดจะต้องเข้าสู่กระบวนการบำบัดยาเสพติดในทันที และให้ครอบครัวไปติดต่อที่ศูนย์ เพื่อรับทราบขั้นตอนและกระบวนการ


ในการนำตัวผู้เข้ารับการบำบัดไปส่งศูนย์ ได้มีการนำตัวทยอยขึ้นรถบรรทุกขนาดเล็กรอบละ 30 คน และในระหว่างการนำตัวขึ้นรถ มีญาติและเพื่อนของผู้เข้ารับการบำบัด มารอให้กำลังใจจำนวนหนึ่ง โดยระหว่างนำตัวผู้บำบัดขึ้นรถ ได้มีญาติของนักเที่ยวรายหนึ่ง เดินเข้ามาตบศีรษะหลานของตนเองอย่างแรงเป็นการสั่งสอน เพราะรู้สึกไม่พอใจที่หลานแอบหนีไปเที่ยวจนถูกตำรวจจับ แต่ยังคงมีสีหน้ายิ้มระรื่น จึงอดใจไว้ไม่ไหว


ทีมข่าวได้พูดคุยกับผู้ปกครองคนหนึ่งที่มารอเยี่ยมลูก บอกว่า เมื่อคืนลูกไปเที่ยวงานวันเกิดของเพื่อน ปกติลูกจะไม่มาเที่ยวละแวกนี้ เพราะบ้านอยู่ไกล ยอมรับว่ากังวล หลังทราบข่าวก็รีบมาดู และกังวลเรื่องเงินประกัน แต่ก็ยินดีที่จะให้ตำรวจนำไปบำบัด


คุณเกศรา สุขทรัพย์สิน นักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด สำนักงานป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร เผยว่า เฉพาะวานนี้ส่งนักเที่ยวเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูที่คลินิกก้าวใหม่ ลาดพร้าว 120 คน ซึ่งได้ตรวจสุขภาพ เอกซเรย์ปอด จากการคัดกรองแบ่งเป็น 3 กลุ่ม


1. กลุ่มผู้ใช้ 24 ราย นาน ๆ ใช้ทีเพื่อความสนุกสนานสังสรรค์ ไม่มีผลต่อชีวิตการทำงาน จะใช้วิธีการบำบัดปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพิ่มทักษะดูแลตัวเองไม่ให้ไปใช้ซ้ำ ให้เห็นโทษพิษภัยของการใช้สารเสพติด นัดมาสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 1 เดือน และจะทำการตรวจหาสารเสพติดทุกครั้ง หลังจากจบโปรแกรมมีการติดตามผลจนครบ 1 ปี  

2. กลุ่มผู้เสพ 67 ราย ประเมินคัดกรองแล้วคือคนที่เคยใช้สารเสพติดในระดับที่มีผลกระทบกับชีวิตบ้าง เริ่มมีปัญหากับครอบครัว ใช้มานานพอสมควร ปริมาณการใช้ถี่ขึ้นกว่ากว่ากลุ่มแรก จะใช้วิธีการบำบัดด้วยการเพิ่มทักษะในการป้องกันหรือการจัดการกับวงจรของการใช้ยาหรือสมองติดยา ให้เขาได้เรียนรู้หาช่องทางความสุขอื่นมาทดแทนการเสพยา ซึ่งผิดกฎหมายและมีผลกระทบในระยะยาวต่ออาการทางจิตประสาทต่าง ๆ จะบำบัดแบบผู้ป่วยนอก นัดมาสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 1-2 เดือน ทุกครั้งที่มาจะพบนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราห์ทำกิจกรรมตามโปรแกรมที่บำบัด

3. กลุ่มผู้ติด พบ 1 คน เป็นกลุ่มที่ใช้สารเสพติดบ่อย รายนี้พบว่าใช้เคตามีนทุกวัน มีประวัติการบำบัดรักษาแล้ว จะใช้วิธีบำบัดที่เข้มข้นกว่า 2 กลุ่มแรก ซึ่งจะต้องมาพบนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราห์ ใช้เวลา 4 เดือนเป็นอย่างน้อย


ส่วนผู้หญิงจำนวน 44 ราย ส่งไปบำบัดฟื้นฟูที่คลินิกก้าวใหม่ เขตจตุจักร


สำหรับกลุ่มของผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าของร้าน ผู้ดูแลร้านและผู้เกี่ยวข้อง หรือผู้ที่พบยาเสพติดภายในตัว ได้ถูกแจ้งข้อหาเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาห้าม รวมถึงข้อหาอื่น ๆ โดยผู้ต้องหากลุ่มนี้ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนจำเป็นต้องสอบปากคำผู้ต้องหาทุกคนอย่างละเอียด จึงทำให้ไม่สามารถนำตัวส่งฝากขังต่อศาลได้ทันในเที่ยง วันที่ 10 ธ.ค. จึงต้องควบคุมตัวไว้ที่สถานีตำรวจจนถึงวันอังคารช่วงเช้า จึงจะสามารถนำตัวไปส่งฝากทางตามขั้นตอนได้


นอกจากนี้ ผู้กำกับการ สน.โชคชัย อยู่ระหว่างการทำเรื่องและเอกสารเกี่ยวกับการปล่อยปละละเลยให้มีการใช้สารเสพติดภายในบริเวณสถานประกอบการ เพื่อนำเรื่องส่งให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ออกคำสั่งปิดสถานประกอบการดังกล่าวเป็นเวลา 5 ปี และห้ามไม่ให้ประกอบกิจการสถานบริการในลักษณะดังกล่าวในจุดเดิมได้


ขณะที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ชี้แจงผลตรวจพบว่าร้านดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตสถานบริการ และเปิดให้บริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงได้มีการจับกุมผู้ต้องหาเป็นผู้จัดการร้าน 2 ราย จับกุมผู้ต้องหาจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ 1 ราย จำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท 1 ราย และได้ทำการตรวจปัสสาวะผู้ใช้บริการและพนักงานภายในร้านทั้งหมด 245 ราย พบสารเสพติดในปัสสาวะ จำนวน 136 คน เป็นชาย 92 คน หญิง 44 คน


นอกจากนี้ บช.น. ได้สั่งการเร่งรัดให้สถานีตำรวจท้องที่ มีความเห็นสั่งปิดสถานบริการดังกล่าวโดยด่วน กรณีปล่อยปละละเลยให้มียาเสพติดภายในร้าน แต่ไม่ตัดสิทธิของเจ้าของร้านในการโต้แย้งคำสั่งดังกล่าว รวมถึงกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า เกิดจากการบกพร่องหรือปล่อยปละละเลย รู้เห็นหรือรับผลประโยชน์อื่นใดของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่


พ.ต.อ.เศรษฐพันธ์ ศรีสาคร ผู้กำการ สน.โชคชัย เผยว่า รับเรื่องว่ามีการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งตนก็ได้เตรียมข้อมูลไว้ชี้แจง ทั้งนี้ตนเพิ่งมารับตำแหน่งได้ไม่ถึงวันก็มีการบุกเข้าตรวจผับ ตอนมารับตำแหน่งยังไม่ได้รับรายงานว่าผับดังกล่าวมีเปิดมั่วสุมยาผิดกฎหมายหรือไม่ อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบย้อนหลัง พบว่าทาง สน.มีบันทึกในการสถานบริการนี้ตามวงรอบเป็นปกติ เป็นวงรอบของฝ่ายปราบปราม สืบสวน หมุนเวียนกันไป


ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้าไปตรวจในผับ สุ่มตรวจบัตรประจำตัวประชาชน สุ่มตรวจปัสสาวะ เมื่อถามว่าพบฉี่ม่วงหรือไม่ พ.ต.อ.เศรษฐพันธ์ ตอบว่าขอตรวจสอบก่อน เชื่อว่าตำรวจน่าจะมีการตรวจสอบผับอย่างละเอียด ส่วนการลงโทษหรือตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีตำรวจที่เกี่ยวข้องบกพร่องปล่อยปละละเลยหรือไม่ ต้องให้ผู้บังคับบัญชาเป็นผู้พิจารณา

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/dDOrY0PZrSs