สังคม

รวบเพิ่ม แก๊งขอทานคนจีน อ้างเพิ่งทำ 3 วัน ล่ามเผยขอเคลียร์ ตร.ครั้งละหมื่น ได้บ้างไม่ได้บ้าง

โดย nattachat_c

21 พ.ย. 2566

35 views

จับเพิ่ม แก๊งจีนขอทาน อ้างมาเที่ยวทำเงินหาย ต้องหาเงินกลับจีน ระบุ ขอทานวานนี้ (20 พ.ย.66) ได้มา 50 บาท เพิ่งทำมา 3 วัน ได้เงินพอซื้อตั๋วกลับแล้ว  - หลัง ตร.คุมตัวสอบ เจ้าตัวหัวร้อน เขวี้ยงโทรศัทพ์ทิ้งพร้อมให้การวกวน


จากกรณีที่นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีหญิงชาวจีนสวมชุดนักศึกษามานั่งขอทานอยู่ใต้สะพานลอย ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านปิ่นเกล้า ซึ่งขอทานรายนี้ถูกตัดมือ ใบหน้าและศีรษะเหมือนถูกน้ำกรดหรือน้ำร้อนลวกจนเป็นพังผืด จนจำลักษณะรูปลักษณ์เดิมไม่ได้


วานนี้ (20 พ.ย. 66) เวลา 17.00 น. นายกัณฐัศว์ ลงพื้นที่ต่อเนื่อง บริเวณด้านหน้า รพ.กรุงเทพคริสเตียน เขตบางรัก กรุงเทพฯพร้อมด้วย นายกองตรี ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ พม. และ ตำรวจ สน.บางรักหลังได้รับเบาะแสว่าพบชายมีลักษณะบาดแผลที่ใบหน้า และแขนกุดทั้ง 2 ข้าง นั่งขอทานอยู่บริเวณริมทางเท้า ซึ่งรายนี้เป็น 1 ใน 7 เบาะแสแรก


ก่อนที่นายกัณฐัศว์ จะมาถึง ทีมข่าวได้ลองเดินไปดูก็พบกับขอทาน เป็นชาย สวมเสื้อกล้ามสีเทาอ่อน กางเกงขายาวสีเทาเข้ม มีใบหน้าเหลวผิดรูป มีรอยแผลเป็นคล้ายเกิดจากการถูกไหม้ / ส่วนแขนพบว่าพิการแขนกุดทั้ง 2 ข้าง ส่วนเท้ายังปกติดีทั้ง 2 ข้าง พร้อมกันนี้มีขันสำหรับขอทานอยู่ข้างหน้า ที่มีทั้งเศษเหรียญและธนบัตร ข้างตัวมีกระเป๋าสะพายหนึ่งใบ และจากการสังเกตเห็นว่า กำลังใช้เท้าลักษณะเหมือนกดโทรศัพท์อยู่


จากนั้นนายกัณฐัศว์ / นายกองตรี ดร.ธนกฤต  เจ้าหน้าที่ พม. และ ตำรวจ สน.บางรัก เดินทางมาถึง เพื่อเข้าตรวจสอบชายขอทานรายนี้ โดยทันทีที่ไปถึง ขอทานรายนี้ได้ลุกขึ้นและสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาล ลายสก็อต และพยายามจะลุกหนีไป ก่อนที่จะพูดเป็นภาษาจีน


ระหว่างนั้นมีพนักงานร้านอาหารที่สื่อสารภาษาจีนได้ ช่วยแปลให้ เบื้องต้นขอทานอ้างว่าชื่อ เฉาหลง อายุ 30 กว่าปี  มาเที่ยวเมืองไทยแต่เงินหาย จึงมานั่งขอทานเพื่อขอเงินกลับบ้าน ซึ่งจะเดินทางกลับวันนี้ (21 พ.ย.66) ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่จึงขอดูหนังสือเดินทาง แต่เจ้าตัวบอกว่าไม่มี ได้มีการถ่ายเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือ แต่อ้างว่าโทรศัพท์เสียจึงไม่สามารถเปิดได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางรัก จึงจะขอเชิญตัวไปที่ สน. แต่เจ้าตัวปฏิเสธโดยอ้างว่ากลัวโดนปรับ  เพราะเคยโดนปรับมาแล้ว


ทั้งนี้ ยังอ้างว่า มีเพื่อนเป็นคนไทยที่ทำธุรกิจ   และมีเพื่อนชาวจีนที่แนะนำให้ตนมานั่งขอทานที่บริเวณจุดนี้ ทั้งที่ตนเองก็ทราบดีว่าผิดกฎหมาย  โดยอ้างว่ามานั่งขอทานอยู่ที่นี้ได้ประมาณ 3 วันแล้ว และปกติจะอาศัยอยู่ในย่านเยาวราช ซึ่งที่พักอาศัยย่านเยาวราชพบว่าเป็นที่พักย่านเดียวกับกับขอทานก่อนหน้านี้นายนายกัณฐัศว์ ลงพื้นที่


ส่วนบาดแผลตามร่างกายนั้น ขอทานชาวจีนรายนี้ อ้างว่า เกิดจากการที่ตนเองประสบอุบัติเหตุขณะเป็นทหาร ตอนอยู่ต่างประเทศ


พร้อมกันนี้ ทีมข่าวสังเกตเห็นว่า กระเป๋าเป้ที่สะพายเป็นกระเป๋าหนัง PU สีน้ำเงิน ซึ่งคาดว่าจะนำขันที่ใส่เงินเก็บเข้ากระเป๋า โดยเจ้าตัวอ้างว่า ที่นั่งขอทานเมื่อวานนี้ (20 พ.ย.66) ได้เงินเพียง 50 บาท เพราะเพิ่งมานั่ง เมื่อช่วงเย็น // ส่วนรายได้แต่ละวันที่ผ่านมาเจ้าตัวไม่ตอบ // เมื่อฝากล่ามถามว่าแล้วได้เงินเพียงพอที่จะเดินทางกลับจีนแล้วหรอ ล่ามแปลให้ฟังทำนองว่า “ได้เพียงพอที่จะซื้อตั๋วกลับแล้ว”


ขณะที่นายอัง ซึ่งเป็นพนักงานร้านอาหารแถวๆนั้น และเป็นล่ามที่ช่วยแปล เปิดเผยว่า เห็นชายรายนี้มานั่งขอทานได้ประมาณ 3-4 วันแล้ว   และเห็นมีคนทำทานให้เรื่อยๆ และเคยเห็นว่ามีชาวต่างชาติเคยให้ธนบัตรแบงก์พันกับชายรายนี้ด้วย // จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางรัก จึงคุมตัวขึ้นรถไปที่ สน. ทันที


ข่วงหนึ่ง นายกองตรี ดร.ธนกฤต พร้อมสอบถาม และพูดคุยถึงที่มาที่ไป ก่อนเปิดเผยว่า เรื่องนี้ได้ประสานกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ให้เร่งสืบสวน กระบวนการเข้ามาถูกกฎหมายหรือไม่ จะเป็นกลุ่มจีนเทาที่เข้ามาหรือไม่ เพราะการทำแบบนี้เสียหายกับไทย


ทั้งนี้ ขบวนการนี้ อาจมีความรู้กฎหมาย รู้ข้อกฎหมายว่ากระทำผิดก็แค่ส่งตัวกลับ จะให้มีการคุมตัวก่อน เพื่อนำไปตรวจสอบวีซ่า พาสปอร์ต เนื่องจากไม่พบว่าเป็นนักท่องเที่ยว และไม่พบพาสปอร์ตติดตัวและต้องขยายผล


หลังจาก จนท. คุมตัวขอทานมาที่ สน.บางรัก เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลขอทานรายนี้ จากทาง ตม. และพบหน้าพาสปอร์ตของขอทานรายนี้ // ทราบชื่อว่านาย WANG สัญชาติจีน อายุ 33 ปีก่อนหน้านี้อยู่ประเทศลาว และเข้ามาประเทศไทยเมื่อวันที่ 2 พ.ย.66 ที่ผ่านมา ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงแสน จ.เชียงราย


ต่อมานายกองตรี ดร. ธนกฤต ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม ระบุว่า จากการที่ตำรวจพยายามสอบปากคำ เจ้าตัวพูดจาวกวนไปมา // เจ้าหน้าที่พยายามสอบถามข้อมูลเชิงลึก ขอเอกสาร ขอข้อมูลที่พักในประเทศไทย // เบอร์โทรศัพท์ แต่ขอทานรายนี้ไม่ให้ความร่วมมือ // อีกอย่างบอกจะบินกลับจีนวันนี้แต่ไม่มีรายละเอียดตั๋วให้ดู // บางจังหวะขอทานรายนี้มีอารมณ์โกรธเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง อีกอย่างตอนแรกบอกว่าเพื่อนจะมาเอาพาสปอร์ตมาให้แต่ท้ายที่สุดก็ติดต่อไม่ได้ นอกจากนี้ขอทานรายนี้ยังมีการใช้โทรศัพท์ 2 เครื่อง และมีการเปลี่ยน ซิมโทรศัพท์มือถือไปมาอีกด้วย ส่วนเครื่องของคดีโดนข้อหาเรี่ยไรเงิน มอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคนดำเนินข้อหา ส่วนเรื่องหลบหนีเข้าเมืองระหว่างนี้ต้องให้


ขณะเดียวกันวานนี้ (20 พ.ย.66) ดีเอสไอได้ร่วมสอบด้วย เพื่อดูว่ากรณีดังกล่าวเข้าข่ายขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่ เพราะดูจากสภาพร่างกายของขอทาน มีสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์  แต่ยังคงให้การวกวนอย่างที่บอกไป แต่ที่ชัดเจนพบว่ามีเงินอยู่จำนวนหนึ่งที่ได้จากการขอทาน มีทั้งเหรียญและธนบัตร เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบ


ส่วนที่ไปที่มาของการขอทานบริเวณนี้ขอทานรายนี้ระบุว่ามีเพื่อนแนะนำมาว่านี้สามารถขอทานได้ แบบไม่ผิดกฎหมายซึ่งก่อนหน้านี้ตอนที่เจ้าหน้าที่บุกจับเจ้าตัวบอกว่ารู้ว่าผิดกฎหมายซึ่งข้อมูลย้อนแย้ง


ทั้งนี้ เชื่อว่าไม่น่าจะมีเพียงคนเดียวที่ทำ และรายได้ที่มาจากการเรี่ยไรพบว่ามีเป็นจำนวนมาก รายละไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นบาทต่อวัน ซึ่งเป็นการหาเงินอีกวิธีหนึ่งคาดว่าเดือนนึงไม่ต่ำกว่าล้านบาท


ขณะที่นายกัณฐัศว์  กล่าวเสริมว่า ตอนแรกขอทานรายนี้ให้ข้อมูลว่าพักอยู่ที่เยาวราช ซึ่งพบว่าขอทานชาวจีน ที่คนและเจ้าหน้าที่ไปจับมาก่อนหน้านี้ 3 คน ให้ข้อมูลว่าพักที่เยาวราชทั้งหมด จึงทำให้สงสัยและน่าขยายผลต่อไป


นอกจากนี้ตนยังได้เบาะแสมาเพิ่มแล้วซึ่งจะออกไปจับเพิ่มเติมอีกครั้งในวันนี้ (21 พ.ย.66)รวมทั้งหมดที่มีข้อมูลในมือคือ 9 ราย // บางครั้งตนเอาเบอร์ศัพท์ ของชาวจีนไปค้นหาดูในไลน์ พบชื่อคล้ายเว็บพนันจากนี้ต้องไปขยายผลต่อ และหลังจากนี้ใครที่มีเบาะแส สามารถแจ้งเข้ามาในทุกช่องหรือแจ้งกระทรวงพัฒนา สังคมก็ได้ จากที่ตัวเองมีข้อมูลขอทานอยู่ที่บีทีเอสอโศก ปกติจะเป็นผู้หญิงใส่ชุด นักเรียน แต่วันนี้เป็นผู้ชาย เลยคิดว่ามีการจัดคิวสลับหมนเวียนกันมา

--------------

จากกรณีที่ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง  ได้รับเบาะแสและพาตำรวจเข้าดำเนินการจับกุมแก๊งขอทานชาวจีนหน้าเละ - มือด้วน ที่นั่งขอทานทั่วกรุงเทพฯ เบื้องต้นจับกุมได้ 3 ราย เป็นหญิงทั้ง 3 ราย ในท้องที่ สน.ปทุมวัน - สน. บางพลัด และ สน.พญาไท จากการตรวจค้นชายขอทานชาวจีน (เสื้อสีดำ) พบมีเงินสดติดตัว 10,400 บาท ซึ่งถูกจับกุมเมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา หลังถูกจับกุมมีล่ามคนจีนนั่งรถยนต์อัลพาร์ตสีดำมาที่ สน. นำพาสปอร์ตของขอทานชาวจีน มาให้กับเจ้าหน้าที่และขอเคลียร์กับตำรวจ บอกที่ผ่านมาเวลาถูกจับจ่ายเงินให้ตำรวจ 10,000 บาทก็ได้รับการปล่อยตัว


สำหรับปฏิบัติการรวบเครือข่ายขอทานพิการทั้งหมดที่ผ่านมา พบว่า จับแล้ว 5 ราย หลบหนี 2 ดังนี้


10 พ.ย.66 รวบหญิงขอทาน แต่งกายชุดคล้ายนักศึกษา หน้าตามีบาดแผล บริเวณสะพานลอยแยกเฉลิมเผ่า


18 พ.ย.66 รวบหญิงขอทาน ชุดดำ ตามีบาดแผล ศีรษะมีแผล มือกุด


19 พ.ย.66 รวบหญิงขอทาน แต่งกายคล้ายนักศึกษา บริเวณปิ่นเกล้า


20 พ.ย. จับได้ 2 ราย และไหวตัวทัน 2 ราย ดังนี้


ช่วงเช้า 20 พ.ย.66 รวบชายขอทาน หัวโล้น มือกุด ที่สถานีรถไฟฟ้า BTS อโศก


ช่วงบ่าย 20 พ.ย.66 ขอทานร่วมขบวนการ ไหวตัวหนีทัน 2 คน ประกอบด้วย หญิงขอทานแต่งกายคล้ายนักศึกษายืนขอทานบริเวณสถานีรถไฟฟ้า BTSศาลาแดง และหญิงขอทาน แต่งกายคล้ายนักศึกษานั่งขอทานบริเวณสถานีรถไฟฟ้า BTS อโศก


ช่วงเย็น 20 พ.ย.66 รวบชายขอทาน หัวโล้น มือกุด ที่หน้าโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน เขตบางรัก


ทั้งนี้ ตำรวจได้ล็อก เป้าหมายเครือข่ายขอทานพิการ ทั้งหมดเป็นผู้หญิงจีนหน้าพิการ 7 ราย (หน้าเละ) จับได้แล้ว 5 ราย ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างติดตามตัว ส่วนผู้ชายเป็นนอกเป้าหมาย แต่เป็นคนจีนและพบพฤติกรรมคล้ายกันกำลังสอบสวนหาความเชื่อมโยง


โดยความเคลื่อนไหววานนี้ (20 ก.ย.66) นายกัณฐัศว์ เดินหน้าเรื่องนี้ต่อเนื่อง โดยในเวลาประมาณ 10.00 น. ได้เดินทางมาที่ สน.ลุมพินี หลังได้รับเบาะแสเพิ่มเติมอีกว่าพบ ขอทานชาวจีนนั่งขอทานอยู่บริเวณตาม BTS


โดยนายกัณฐัศว์ เปิดเผยว่า ในท้องที่ สน.ลุมพินี ตอนนี้ได้รับแจ้งว่าพบขอทานชาวจีนเป็นผู้หญิง 1 รายนั่งขอทาน 2 จุดคือ BTS อโศกและ BTS นานา จุดละ 6 ชม. แล้วเปลี่ยนจุด ทำแบบนี้ทุกวัน โดยเชื่อว่าทำกันเป็น ขบวนการใหญ่ เนื่องจากคนจีนทั้ง 3 รายแรกที่ถูกจับกุมได้หลังนำตัวมาที่โรงพักจะมีล่ามคนจีนที่พูดไทยได้เดินทางนำพาสปอร์ตมาให้เจ้าหน้าที่และขอเคลียร์ เป็นเงิน 10,000 บาทต่อคน ต่อครั้งที่ถูกจับ ซึ่งตอนที่ขอเคลียร์ ตนเองก็อยู่ในห้องสอบสวนด้วย จึงสอบถามไปว่า ก่อนหน้านี้เคยเคลียร์แบบนี้แล้วได้หรือไม่ ทางล่ามและชาวจีนที่ขอทานบอกว่า ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง หลังจากเคลียร์เจ้าหน้าที่ได้ชาวจีนเหล่านี้ก็จะขอเดินทางกลับประเทศ ซึ่งประเด็นที่น่าสังเกต คือ แก๊งขอทานชาวจีนเหล่านี้ จะผ่านเข้าออกประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายโดยมีตราประทับ ที่ด่านไทย-มาเลเซีย


จากข้อมูลพบ ว่า ขอทานชาวจีนบางรายเข้าออกประเทศไทยมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง แต่ละครั้งจะมาอยู่ประมาณ 10-15 วัน พอโดนจับได้ก็จะขอเดินทางกลับประเทศเองเพื่อไม่ให้ถูกแบล็คลิส โดยขอทานชาวจีนไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการสาวไปถึงตัวการใหญ่ ให้ข้อมูลเพียงว่า เดินทางเข้าประเทศไทยเองและมาขอทานที่ประเทศไทยเพราะไม่รู้ว่าขอทานในประเทศไทยผิดกฎหมาย และแต่ละครั้งที่มาจะอาศัยนอนตามข้างถนน แต่จากการตรวจค้นพบว่า มีทั้งโทรศัพท์มือถือและคีย์การ์ดห้องพัก ซึ่งจากการสอบถามทางขอทางชาวจีน อ้างว่าเก็บซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือและคีย์การ์ดก้องพักได้จากข้างถนน ซึ่งระหว่างสอบปากคำมี 1 ในขอทานชาวจีน ส่งข้อความหาล่ามบอกว่า "ฉันไม่ได้พูดหรือให้การอะไรเกี่ยวกับคุณ"


ส่วนบาดแผล ขอทานชาวจีนอ้างว่าถูกไฟไหม้ แต่ด้านสำหรับล่ามชาวจีนให้ข้อมูลว่า ตัวเองเปิดร้านอาหารและขอทานชาวจีนเข้ามารับประทานอาหารที่ร้านจึงเกิดความสงสารเดินทางมาช่วยเหลือ ซึ่งทางนายกัณฐัศว์ บอกว่า ไม่เชื่อตามที่ล่ามคนจีนกล่าวอ้างและเชื่อว่าล่ามน่าจะเป็นตัวละครสำคัญที่อยู่ในขบวนการนี้


อมาเวลา 13.25 น. นายกัณฐัศว์ และตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ ได้เดินทางมาที่ BTS ศาลาแดง หลังรับรายงานว่า มีหญิงสาวใส่ชุดคล้ายนักศึกษา มีใบหน้าผิดรูปจากปกติมายืนขอทานที่บริเวณทางเข้าบีทีเอสศาลาแดง แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงจุดเกิดเหตุกลับไม่พบหญิงสาวที่เป็นเป้าหมาย จึงเชื่อว่าขบวนการนี้ต้องมีทีมงานที่คอยมาดูลาดเลาก่อนแล้ว ถึงพากันออกจากพื้นที่


นายกัณฐัศว์ ตั้งข้อสังเกตว่า ทั้ง 3 คนมีบาดแผลคล้ายกัน ลักษณะไม่เหมือนถูกไฟไหม้ ลักษณะเหมือนถูกโหลแก้วครอบหัว และใช้ความร้อนทำให้ผิวหนังไหม้ เพราะบริเวณลำคอของทุกคนจะมีรอยวงแหวนอยู่ เช่นเดียวกับที่ข้อมือลักษณะเหมือนถูกบังคับให้จุ่มลงในน้ำกรดจนมือด้วน


นายกัณฐัศว์ ยังกล่าวว่า หลังจับขอทานชาวจีนในท้องที่ สน.ลุมพินีได้ช่วงเช้าวานนี้ (20 พ.ย.66) ได้ข้อมูลว่า ใน 30 นาที ได้เงินประมาณ 900 บาท และได้ขยายผลต่อที่บ้านย่านหัวลำโพงพบเงินอีกจำนวนหลายพันบาทอยู่ที่บ้าน


สื่อข่าวรายงาน ก่อนและหลังที่นายกัณฐัศว์ จะลงพื้นที่ ได้มีชายลักษณะท่าทางแปลกๆ มาเดินวนเวียนอยู่ในที่เกิดเหตุ ตรงจุดที่หญิงสาวรายดังกล่าวยืนอยู่ และมักจะ ถ่ายภาพและคลิปส่งไปหาปลายทาง ซึ่งไม่รู้ว่าใครเจ้าหน้าที่จึงขอเข้าตรวจสอบ พบชายดังกล่าวมีบัตรประชาชนไทย โดยอ้างว่า เป็นแฟนคลับ กัน จอมพลัง จึงอยากถ่ายภาพและเป็นแกร๊บ อยู่ที่บริเวณดังกล่าว


แต่เท่าที่สังเกตชายคนดังกล่าว มีสีหน้าเคร่งเครียดและ ไม่ได้มีการเข้ามาขอถ่ายรูปเหมือนแฟนคลับปกติ ภายหลังจากที่ชายคนดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจค้น ก็ได้หายออกไปจากพื้นที่ ขณะเดียวกันเมื่อสอบถามพนักงานส่งอาหารในพื้นที่ดังกล่าว ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่รู้จักชายคนดังกล่าว และหากเป็นพนักงานส่งอาหารจริงก็ต้องใส่เสื้อบริษัทส่งอาหารด้วย

-------------


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/-L_NQCD7k7E












คุณอาจสนใจ