สังคม

สู้ด้วยความหวัง! เปิดใจ ‘เบนซ์ เรซซิ่ง’ หลังออกจากเรือนจำ เผยสูญเสียทุกอย่าง แม้แต่โอกาสสอนลูกเรียกว่าพ่อ

โดย petchpawee_k

25 ต.ค. 2566

343 views

“เบนซ์ เรซซิ่ง” ได้รับอิสรภาพออกจากเรือนจำ ยันสู้มาตลอดด้วยความหวัง ก่อนศาลฎีกายกฟ้องคดีสมคบค้ายา เผย สูญเสียความน่าเชื่อถือ ไม่มีใครกล้าคบค้า สูญเสียโอกาสได้เลี้ยงดูลูกชายคนเดียว - ไม่มีโอกาสแม้จะสอนลูกเดิน วิ่ง หรือสอนให้ลูกเรียกว่าพ่อ พร้อมระบุ ไม่เคยให้ลูกมาเยี่ยม เพราะไม่อยากให้มาจดจำ

วานนี้ (24 ต.ค.66)  เวลา 09.30 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดียาเสพติด หมายเลขดำ อ.2201/2560 ที่พนักงานอัยการคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นาย อัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง อายุ 36 ปี อดีตสามีแพท ณปภา ตันตระกูล นักแสดงและพิธีกรสาวชื่อดัง


นายสรรเสริญ รสานนท์ หรือเน็ต อายุ 41 ปี ชาว จ.นนทบุรี และ น.ส.อังสุพร อินา หรืออุ้ม อายุ 35 ปี ชาว จ.น่าน สองสามีภรรยา เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันสนับสนุน หรือช่วยเหลือหรือสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยบกับยาเสพติดฯ , ฐานร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 3, 4, 6, 10, 14 และ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3, 5, 9, 60.


จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานสนับสนุนช่วยเหลือ หรือ สมคบค้ายาเสพติด และ ฐานฟอกเงิน

จำคุกรวม 36 ปี 8 เดือน ปรับ 3,333,333.33 บาท จำเลยที่ 2-3 ปี เหลือจำคุก คนละ 22 ปี 6 เดือน ปรับคนละ 4 แสนบาท

โดยเจ้าหน้าที่เรือนจำ นำตัว เบนซ์ มาขึ้นศาล ตั้งเเต่ช่วงเวลา 08.20 น. จากนั้นนำตัวเข้าเบนซ์เข้าไปฟังคำพิพากษา โดยมี พ่อเแม่ และญาติ เดินทางมาร่วมรับฟังเต็มห้องพิพากษา ด้วยบรรยากาศที่เบนซ์มีสีหน้าที่เคร่งเครียดอยากเห็นได้ชัด โดยอยู่ในชุดของนักโทษ ตัดผมสั้น มีเครื่องพันธนาการ


และในเวลาต่อมา ศาลฎีกายกฟ้อง "เบนซ์ เรซซิ่ง " ในข้อหา สมคบค้ายาเสพติด เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ส่วนความผิดฟอกเงิน ในชั้นอุทธรหณ์ เหลือจำคุกครบ 3 ปี 4 เดือน ซึ่งนายเบนซ์อยู่ในเรือนจำครบจำนวนวันเเล้ว จึงให้ปล่อยตัวออกจากเรือนจำกลางคลองเปรมในช่วงเย็นวานนี้ (24 ต.ค.66)


ต่อมาเมื่อเวลา เวลา 19.30 น. ที่ด้านหน้าทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง พบว่า น.ส.สุพรเพ็ญ วรโรจน์เจริญเดช มารดาของ เบนซ์ เรซซิ่ง, น้องชาย และเพื่อนๆ ได้เดินทางมาร่วมต้อนรับเบนซ์กลับบ้าน โดยเบนซ์ มีสีหน้าสดใส สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีชมพูอ่อน นุ่งกางเกงยีนส์ รองเท้าขาว ก่อนจะสวมกอดกับคุณแม่  ส่วนแพท ณปภา และลูกชาย น้องเรสซิ่ง จากการสังเกตไม่พบทั้ง 2 ก่อนที่เบนซ์ จะยืนยันว่ารอไปเจอกันที่บ้าน

นางสาว สุพรเพ็ญ วรโรจน์เจริญเดช มารดาของนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ระบุว่า ตื้นตันใจ พูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำพิพากษาที่เป็นคุณ ลูกชายเข้าโผกอดพร้อมร่ำไห้ หลังต่อสู้อย่างทรมานยาวนานกว่า 6 ปี  วันนี้ถือว่าเป็นการปลดปล่อย ตอนนี้ก็ได้โทรไปบอกกับนางสาวณปภา ตันตระกูล หรือแพท อดีภรรยาของลูกชายแล้ว  ส่วนน้องเรซซิ่งนั้น ยังไม่ทราบข่าวเนื่องจากตอนนี้ยังเรียนอยู่ แต่ยืนยันว่า ทั้งแพท และน้องเรซซิ่งจะไปรับตัวเบนซ์ที่เรือนจำกลางคลองเปรม ซึ่งทั้ง 2 ก็ได้ขอแสดงความยินดีกับครอบครัวเบนซ์


ส่วนเหตุผลที่ศาลปล่อยตัวเบนซ์เรซซิ่งนั้น เนื่องจาก ลูกชายของตน ถูกพิพากษาจำคุกคดีฟอกเงิน อัตราโทษจำคุก 3 ปี 4 เดือน แต่ขณะนี้ เกินระยะเวลาในการรับโทษ จึงทำให้กรมราชทัณฑ์ต้องปล่อยตัว เบนซ์ เรซซิ่ง ในเย็นนี้


ส่วนคดีสมคบคิดค้ายาเสพติดฯ ในชั้นฎีกา ศาลพิพากษายกฟ้องเนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ และยังมีข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามฟ้องจริงหรือไม่ จึงยกประโยชน์ให้จำเลย


ด้านแพท ณปภา ตันตระกูล อดีตภรรยาของเบนซ์ เปิดใจผ่านคนใกล้ชิดว่า ทันทีที่ทราบข่าว ก็รู้สึกดีใจมาก  ที่คุณเบนซ์ได้รับอิสรภาพ  ที่ผ่านมา ถึงแม้เบนซ์ จะมีสถานะอดีตสามี แต่ความสัมพันธ์ที่มี คือ การเป็นพ่อแม่ ของน้องเรซซิ่ง  และตลอดช่วงเวลาที่เบนซ์อยู่ในเรือนจำ คุณแพทก็ยังพาน้องเรซซิ่งไปมาหาสู่คุณย่า(แม่ของเบนซ์) อยู่เสมอ  ส่วนอนาคตของเรซซิ่งหลังจากนี้ ก็จะให้เบนซ์ ช่วยวางแผนต่อไป


ขณะที่ นายอัครกิตติ์ ให้สัมภาษณ์ระบุว่า  ตลอดเวลากว่า 6 ปีที่ผ่านมา ที่ได้ยืนหยัดในการต่อสู้คดีมา นอกจากอิสรภาพที่ตนได้สูญเสียไปแล้ว มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ตนสูญเสียไป อันดับแรกคือ สูญเสียเงินและเวลาในการต่อสู้คดี สำหรับคนที่ต่อสู้คดีอยู่ได้ด้วยความหวัง หวังมาตลอดว่า จะได้รับการประกันตัวและชนะคดี  และเรายังเสียเงินกับคนไม่หวังดีที่เข้ามาหลอกในการต่อสู้คดี  


นอกจากนี้ ความยังเสียชื่อเสียงและเสียความน่าเชื่อถือ ตั้งแต่ที่มีข่าวว่าเราไปพัวพันกับเครือข่ายค้ายาเสพติด และการที่จะไปคบค้าสมาคมกับใคร ทำให้ดูขาดความน่าเชื่อถือ ส่งผลให้ไม่กล้าทำธุรกิจร่วมกัน กลัวจะมีส่วนเชื่อมโยงไปกับเราด้วย แต่ตนไม่อาจเปลี่ยนใจใครได้  อย่างน้อยในวันนี้ศาลฎีกามีคำสั่งยกฟ้องแล้ว ตนขอให้เคารพคำตัดสินของศาลด้วย


พร้อมกันนี้ ตนอยากถามว่ามีหน่วยงานใด ที่จะสามารถเข้ามาชดใช้สิ่งที่ตนสูญเสียไปได้หรือไม่ โดยสิ่งนี้เป็นแผลในใจของตนมากว่า 6 ปี


“สิ่งที่ผมสูญเสียไปนี้ คือผมสูญเสียโอกาสที่จะได้เลี้ยงดูลูกชายเพียงคนเดียว ผมไม่เคยได้มีโอกาส ที่จะสอนลูกเดิน สอนลูกวิ่งหรือปั่นจักรยาน ไม่มีโอกาสที่จะได้สอนให้ลูกเรียกว่าพ่อเลยด้วยซ้ำ ผมเข้าใจดีว่าสิ่งที่ผมสูญเสียไป ประมูลเป็นมูลค่าไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ไม่มีใครทำให้ผมสามารถจองเวลากลับไปได้” นายอัครกิตติ์  กล่าว


นายอัครกิตติ์  กล่าวต่อว่า ในส่วนของคดีความให้จบสิ้นเพียงเท่านี้ ซึ่งตนก็จะขอกลับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ กลับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา  ส่วนจะมีการฟ้องกลับหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบในส่วนนี้ได้ ตนขอปรึกษากับทางทนายดูก่อนว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ตั้งแต่เริ่มต้นตนปฏิเสธมาโดยตลอด ซึ่งศาลพิพากษาแล้วว่าไมได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด


นายอัครกิตติ์ ยังกล่าวอีกว่า หากถามถึงนิยาม ของการต้องมาติดคุก สำหรับตน มองว่าเป็นการสูญเสียทุกสิ่งอันเป็นที่รักเผือกต้องมาใช้ชีวิตอยู่อย่างเวทนานั้นคือสิ่งที่ตนสัมผัสได้


นายอัครกิตติ์ กล่าวว่า สำหรับน้องเรซซิ่งตนไม่เคยให้มาเยี่ยมเพราะไม่อยากให้มาจดจำสิ่งเหล่านี้ หลังจากนี้จะกลับไปหาลูกที่บ้าน และสิ่งที่ตนอยากทำเป็นสิ่งแรกคืออยากใช้เวลากับครอบครัว และไปกินข้าวฝีมือแม่


ส่วนแพลนในชีวิตตอนนี้ยังไม่มีแพลนอะไร ขอปล่อยปรับตัวสักพักก่อน เพราะเหมือนว่าเพิ่งตื่นจากฝัน และเหมือนว่าเราเพิ่งได้ชีวิตใหม่  


นายอัครกิตติ์ ยังได้กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม ว่า ตนขอขอบคุณศาลที่ยังมีความยุติธรรม ซึ่งก่อนที่ตนจะไปฟังความเป็นไปได้ก็มีเพียงแค่สองหน้าเท่านั้นคือได้กลับหรือไม่ได้กลับ แต่เราก็ต้องอยู่กับความกับความหวัง และสุดท้ายวันนี้ก็มาถึง


ทั้งนี้ การที่เรามาใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ แต่ญาติเราเหมือนติดไปกับเราด้วย  บางครั้งเขาอาจจะทุกข์กว่าเราด้วยซ้ำ เราอยู่ข้างในเราไม่ได้รับรู้หรือสื่อสารอะไร แต่เขาต้องเดินทางมาเยี่ยม ซื้อของ มาฝากเงินให้เราเวลาเราเจ็บไข้ได้ป่วย เขาก็ทุกข์ใจยิ่งกว่าเรา    


คุณแม่ของเบนซ์ กล่าวอีกว่า  เรียกความตื้นตันใจว่า พูดไม่ออก ซึ่งแม่เองก็ลุ้นว่าวันนี้จะออกหัวหรือออกก้อย แต่ว่าทุกสิ่งเราเตรียมใจไว้หมดแล้ว เมื่อผลยกฟ้องเราก็ดีใจ  ตอนได้ยินผลตอนนั้นหหัวใจแทบจะวาย เราดีใจ ดีในจนลืมกินข้าว  ส่วนที่ลูกบอกว่าอยากกินข้าวฝีมือแม่ตอนนี้ต้นยังไม่ได้คิดเมนูไว้  ซึ่งช่วงนี้เบนซ์ได้บอกว่า กินอะไรก็ได้ ได้หมด ขอแค่ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันกับครอบครัว


โดยช่วงนี้เบนซ์ ได้กล่าวเสริมคุณแม่ว่า หลังจากศาลยกฟ้องมันรู้สึกปลดล็อคเหมือนได้หลุดพ้นจากสิ่งที่เราต่อสู้มายาวนาน  ขนาดเท่ากันตั้งแต่ต้นเข้ามารอบนี้เป็นเวลา 2 ปี 8 เดือนไม่เคยร้องไห้เลย เพราะว่าต้องสู้ให้ถึงที่สุด แต่สุดท้ายตอนฟังผลเหมือนกับตื้นตันอยู่ข้างใน มันทนไม่ไหวมันรู้สึกดีใจ และมองว่าไม่เกินไป หากตนจะบอกว่าวันนี้เป็นวันที่ตนรอคอย มาตลอดและเป็นวันที่ดีใจที่สุดในชีวิต



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/l_eU9XdWgls

คุณอาจสนใจ

Related News