สังคม
บุกรวบหมอกระเป๋าคาไลฟ์ ลอบฉีดโบท็อกซ์ - ฟิลเลอร์ เหยื่อหน้าพัง ตาหวิดบอด
โดย gamonthip_s
5 ต.ค. 2566
480 views
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย บก.ป. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ
ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ปรัชญ์ แม้นเดช สว.กก.2 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นางสาวธัญทิพย์ หรือจูน อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพล ที่ จ.118/2566 ลงวันที่ 26 กันยายน 2566 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส, ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต และประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต”
สถานที่จับกุม บริเวณหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ถนนสุดบรรทัด ต.ปากเพรียว อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี วันที่ 4 ตุลาคม 2566 เวลาประมาณ 10.30 น.
พฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุ เมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ผู้ต้องหาได้เดินทางไปทางภาคอีสาน และได้มาพบกับผู้เสียหายที่ร้านนวดแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น พร้อมกับกระเป๋าหิ้วเหมือนกระเป๋าเครื่องสำอาง จากนั้นผู้ต้องหาได้แนะนำตัวเองว่าเป็นครูสอนทำผม และเคยทำที่คลินิกความงามมากว่า 10 ปี มีความชำนาญเรื่องการออกแบบใบหน้า และสามารถฉีดฟิลเลอร์ และโบท็อกซ์ได้ในราคาไม่แพง และไม่ต้องเดินทางไปฉีดที่คลีนิค และคำโฆษณาชวนเชื่อว่าเป็น “ฟิลเลอร์แท้ โบท็อกซ์แท้ 1,000,000%” จนผู้เสียหายหลงเชื่อ และตกลงฉีดโดยคำแนะนำของผู้ต้องหา และผู้ต้องหายังชักชวนพนักงานในร้านนวด อีก 3 รายด้วย โดยตกลงราคากันที่รายละ 10,000 บาท แต่หากใครอยากทำจุดไหนเพิ่มก็จะบวกราคาไปอีก ซึ่งในระหว่างขั้นตอนการฉีดสาร ผู้ต้องหาไม่มีการทำความสะอาดมือและใบหน้าผู้เสียหาย ไม่สวมถุงมือ ใช้นิ้วมือในการเช็ดเลือดจากใบหน้าผู้เสียหาย โดยซับกับทิชชู่ จากนั้นวางทิชชู่กองรวมไว้ที่พื้นในลักษณะไม่ถูกสุขลักษณะตามหลักการแพทย์ที่ถูกต้อง
ต่อมาหลังจากผู้เสียหาย ฉีดไปได้เพียง 1 วัน กลับมีอาการหนองขึ้นทั่วบริเวณใบหน้า ตาบวมปิด และมีอาการคลื่นไส้อาเจียน จึงโทรติดต่อไปยังผู้ต้องหา ผู้ต้องหาบ่ายเบี่ยง และแจ้งว่าเป็นอาการปกติหลังฉีด เดี๋ยวจะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่ผ่านไป 1 อาทิตย์ อาการเริ่มหนักขึ้นผู้เสียหายจึงเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลขอนแก่น แพทย์ระบุแจ้งว่า “เป็นภาวะอักเสบจากสิ่งแปลกปลอมสารเหลวทั่วใบหน้า” ต้องทำการผ่าตัดเอาสารเหลวออกทั้งหมด โดยไม่สามารถเจาะ หรือดูดออกได้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการหลายแสนบาทต่อครั้ง ผู้เสียหายไม่สามารถหาเงินจำนวนมากได้จึงขอรักษาตามอาการ และใช้ชีวิตอยู่ด้วยความทุกข์ทรมาน ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้เป็นปกติจนถึงปัจจุบัน แต่ยังคงเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง พยายามติดต่อผู้ต้องหาก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ได้เฝ้าแกะรอยผู้ต้องหา โดยสืบทราบว่า นางสาวธัญทิพย์ หรือจูน ได้เดินทางมาสอนทำผม อยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง จึงเข้าไปตรวจสอบ พบนางสาวธัญทิพย์ ยืนอยู่บนเวที ทำการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กเพจทำผม จึงเชิญตัวลงมา และได้ขอตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งนางสาวธัญทิพย์ แจ้งว่าไม่ได้พกทำบัตรประชาชนมาด้วย จึงได้ตรวจสอบเอกสารใบขับขี่รถยนต์ พบว่ามีตำหนิรูปพรรณ ชื่อหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนตรงตามหมายจับ จึงได้แสดงหมายจับ ให้ นางสาวธัญทิพย์ ตรวจอ่านดู พร้อมทั้งแจ้งข้อความในหมายจับ ทั้งนี้นางสาวธัญทิพย์ ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลอาญาฯ ดังกล่าวจริง
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมควบคุมตัวมาทำบันทึกการจับกุมตัวที่ กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม เสร็จแล้วนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.พล จ.ขอนแก่น เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การภาคเสธ โดยรับว่าเคยทำมาแล้วหลายครั้งในหลายพื้นที่ โดยที่ไม่ความรู้ด้านการแพทย์มาก่อน ไม่เคยจบการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์แต่อย่างใด อาศัยแอบอ้างโฆษณาหลอกลวงทำหัตถการให้กับลูกค้าที่มาทำผมที่ร้าน
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยผู้ที่หลงเชื่อฉีดสารเหลวต่างๆ ราคาถูกกับหมอกระเป๋า ซึ่งไม่ใช่แพทย์จริง โดยอ้างเป็นคอลลาเจน โบท็อกซ์ หรือฟิลเลอร์นั้น ผู้เสียหายอาจได้รับฟิลเลอร์ที่ไม่มีคุณภาพและไม่ได้รับรองจาก อย. เช่น สารโพลีอะคริลาไมด์ ซิลิโคนเหลว พาราฟิน ไบโอพลาสติก และไขมันเทียม ซึ่งไม่สามารถย่อยสลายได้ ทำให้ก่อปัญหาตามมามากมาย เนื่องจากสารที่ใช้ฉีดเข้าไปในผิวหนังนั้นมีความเสี่ยงที่จะเป็นฟิลเลอร์ปลอมสูง ซึ่งมีความเสี่ยงต่อผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น ฉีดส่วนไหนก็อาจเกิดการอักเสบได้ ซึ่งอาการแพ้สารเติมเต็มนั้นมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเกิดรอยแดง บวม มีผื่นแดง คัน ไปจนถึงการติดเชื้อ เนื่องจากสารเติมเต็มชนิดนั้น ๆ เข้าไปอุดตันหลอดเลือด ทำให้เลยเกิดเนื้อเยื่อตายและตาบอดเนื่องจากที่ส่วนนั้นไม่มีเลือดเข้าไปเลี้ยง
จึงขอแนะนำให้กระทำการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ สามารถประเมินและแนะนำหัตถการได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ให้เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานมีใบอนุญาตให้เปิดอย่างถูกต้อง โดยส่วนใหญ่หมอปลอมนั้นมักจะมีสถานที่ฉีดตามที่นัดกับคนไข้ ซึ่งไม่มีสถานประกอบการเป็นหลักเป็นแหล่งจึงทำให้เมื่อเกิดผลข้างเคียง หรือเกิดการอักเสบขึ้นมา ก็ไม่สามารถติดตามตัวมาแก้ไขได้ รวมถึงอุปกรณ์สำหรับการฉีดฟิลเลอร์และเครื่องมือทางการแพทย์ทุกชิ้นนั้น จำเป็นจะต้องทำความสะอาด และได้รับการจัดเก็บอย่างถูกวิธีและฆ่าเชื้อทุกชิ้น ซึ่งจะส่งผลเสียต่อคนไข้เอง และหากฉีดผิดวิธีจนเข้าสู่เส้นเลือด อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้
แท็กที่เกี่ยวข้อง จับหมอกระเป๋าเถื่อน ,ผู้เสียหาย ,ฉีดสารแปลกปลอม