ยอดผู้เสียหาย 'ดิไอคอน' ทะลุกว่า 7,000 ราย ตร.เผยเร่งหาหลักฐาน ขยายผลกลุ่มแม่ข่าย

ความคืบหน้าคดีดิไอคอน ซึ่งจนถึงขณะนี้ มีรายงานยอดผู้เสียหายจากคดีนี้มากถึง 7,606 ราย รวมมูลค่าความเสียหายไม่น้อยกว่า 2,262 ล้านบาท ล่าสุด ผู้ช่วยผบ.ตร. ออกมาระบุว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ออกหมายจับใครในล็อตที่ 2 เพราะอยู่ระหว่างพิจารณาพยานหลักฐาน เเต่ก็ยืนยันว่าหากหลักฐานโยงไปถึงใคร จะดำเนินคดีไม่มีข้อยกเว้น ในขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หลังจากมีประเด็นข้อสงสัยเรื่องการทำงานที่อาจจะไปทับซ้อนกับตำรวจ



ล่าสุด ก็ได้ทำเอกสารชี้แจง ยืนยันว่าเป็นการปฏิบัติงานตามหน้าที่เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามกฎหมาย และได้เชิญผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบทรัพย์สินที่ตรวจพบตามขั้นตอนแล้ว



กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ออกเอกสารชี้เเจงผ่านสื่อมวลชน จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารทางสื่อสาธารณะว่า ทรัพย์สินที่ได้จากการตรวจค้นห้องพักในซอยรามอินทรา 9 เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม จากการประเมินด้วยสายตามีความคิดเห็นว่าเป็นของปลอม และตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่



ดีเอสไอชี้แจงว่า การปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวเป็นไปภายใต้การสืบสวน ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ในความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินทางอาญา และความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ของดีเอสไอ



และการเข้าตรวจค้นดังกล่าว ก็เป็นการดำเนินการโดยแสวงหาข้อเท็จจริงจากพยานบุคคล และนำไปสู่การยื่นคำร้องขอหมายค้นต่อศาลตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนสิ่งของที่ตรวจยึดมานั้น มีทั้งสิ่งของที่เป็นพยานหลักฐาน และทรัพย์สินตามที่ได้ข้อมูลจากพยาน ซึ่งรักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ ได้สั่งการให้กองคดีทรัพย์สินทางปัญญาเชิญผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบตามขั้นตอนแล้ว



จึงขอยืนยันว่าการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เป็นไปตามภารกิจและอำนาจหน้าที่ โดยบูรณาการกับทุกภาคส่วนเพื่อประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง เมื่อได้ผลการตรวจสอบแล้ว ก็จะนำไปพิจารณาประกอบการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป



ส่วนความเคลื่อนไหวจากฝั่งตำรวจ ที่กองบังคับการปราบปราม ตลอดทั้งวันก็มีผู้เสียหายในคดี"ดิไอคอนกรุ๊ป" เดินทางเข้ามาแจ้งความต่อเนื่อง "พลตำรวจโทอัคราเดช พิมลศรี" ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าชุดทำคดี "ดิไอคอนกรุ๊ป" เปิดเผยความคืบหน้าทางโทรศัพท์ ระบุว่า ยังไม่ได้ออกหมายจับใครในล็อตที่ 2 เพราะตอนนี้อยู่ระหว่างพิจารณาพยานหลักฐาน และยังตอบไม่ได้ว่าจะออกหมายจับเร็ว ๆ นี้หรือไม่



ส่วนแนวโน้มจะเป็นกลุ่มไหนที่จะถูกออกหมายจับนั้น ต้องดูพยานหลักฐานว่าไปถึงใคร เเละในขณะนี้ก็ยังไปไม่ถึงกลุ่มดาราที่จะถูกดำเนินคดีเพิ่มเติม



ประเด็นกลุ่มแม่ข่าย พลตำรวจโทอัคราเดช บอกว่า อยู่ระหว่างการวิเคราะห์คำให้การของแม่ข่าย ซึ่งยังไม่ขอสรุปว่าจะโดนด้วยหรือไม่ ต้องวิเคราะห์คำให้การว่าเป็นผู้เสียหายที่แท้จริง หรือพยายามเปลี่ยนค่าตัวเอง



ประเด็นตรวจสอบทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหา ก็ยังเดินหน้าตรวจสอบต่อเนื่อง และได้ประสานปปง. รวมถึงชุดสืบสวนไปตรวจว่ามีทรัพย์สินส่วนไหนที่จะต้องเข้าตรวจยึดก่อนที่จะมีการยักย้ายถ่ายเท



ล่าสุด ยอดผู้เสียหายที่ถูกหลอกให้ลงทุนของบริษัท"ดิไอคอนกรุ๊ป" สรุปยอด ณ เวลา 15.00 น. จากศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 7,606 ราย มูลค่าความเสียหาย 2,262 ล้านบาทเศษ



ส่วนความเคลื่อนไหวของผู้ถูกกล่าวหา ช่วงบ่ายโมงวันนี้ นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล พาพนักงาน"ดิไอคอนกรุ๊ป" 6 คน ไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.พหลโยธิน หลังจากเมื่อวานนี้ ตำรวจได้เข้ามาค้นหาพยานหลักฐานในคดีเพิ่มเติมทั้งหมด 11 จุด เเละได้คุมตัวพนักงานทั้งหมดมาสอบปากคำที่กองปราบปราม ตั้งแต่ช่วงเที่ยงจนถึง 2 ทุ่ม พร้อมยึดโทรศัพท์ทุกคนไปตรวจสอบทั้งหมด 10 เครื่อง โดยไม่ให้ติดต่อใคร ซึ่งนายวิฑูรย์มองว่า การปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจครั้งนี้ ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของพนักงาน เพราะคนกลุุ่มนี้เข้ามาสอบปากคำในฐานะพยาน วันนี้จึงมาลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน



ความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนักร้องเรียนหญิง ในวันพรุ่งนี้ (24ต.ค.67) ทีมทนายความจะให้บอสพอล เซ็นหนังสือมอบอำนาจ เพื่อแจ้งความฐานกรรโชกทรัพย์และเรียกเอาทรัพย์ โดยทีมทนายความมั่นใจว่ามีหลักฐานที่จะเอาผิดได้ โดยเฉพาะหลักฐานคลิปเสียงขนาด 1.86 GB ก็ได้ส่งมอบให้ตำรวจไปตรวจสอบแล้ว



เเละในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ทนายความของบอสพอล จะพาพนักงาน"ดิไอคอนกรุ๊ป" ไปที่สำนักงานจเรตำรวจ เพื่อให้ตรวจสอบการปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจชุดปคบ.2 และ ปคบ.3 ว่าเข้าข่ายความผิดหรือตามกรอบอำนาจ ม.157 หรือไม่ และถ้ามีเวลาก็จะไปร้องต่อ"คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติด้วย"