ชายขี่จักรยานยนต์ ขวางรถกู้ชีพขณะไปช่วยหญิงวัย 83 หมดสติ สุดท้ายไปไม่ทันเสียชีวิต

จากกรณีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่ง ได้โพสต์คลิปชายขี่รถจักรยานยนต์กีดขวางรถกู้ชีพ เพื่อนำผู้ป่วยฉุกเฉินส่งโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า แต่สุดท้ายไปไม่ทัน ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยระบุข้อความว่า " ดรามาสุดๆ ประชาชนและกู้ภัยโพสต์ตามหาคนขับรถจักรยานยนต์ขวางทีมรถกู้ชีพ ภายในรถนั้นมีผู้ป่วยฉุกเฉิน ทางรถกู้ชีพรับผู้ป่วยมาจากซอยงามวงศ์วาน เพื่อนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า โดยก่อนหน้านี้ทางญาติมีการปั๊มหัวใจผู้ป่วยดังกล่าวแล้ว พอรถกู้ชีพจะนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า มีการเปิดเสียงสัญญาณไซเรนและไฟเพื่อขอทาง เปิดทางให้กับรถกู้ชีพ ก็ปรากฏตามภาพนี้ครับ เบื้องต้นได้รับแจ้งจากอาสากู้ภัยว่าผู้ป่วยที่อยู่ในรถ ได้เสียชีวิตลงแล้ว ขอแสดงความเสียใจต่อญาติผู้ป่วย ไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเลย"

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยัง ศูนย์นันทนาการเทศบาลนครนนทบุรี อ.เมือง จ.นนทบุรี สอบถาม นายนิพนธ์ ธงโพธิ์ทอง อายุ 41 ปี เจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลนครนนทบุรี เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวานที่ผ่านมา เวลาประมาณ 13.00 น. ตนนั่งอยู่ในห้องศูนย์กู้ชีพ ได้รับแจ้งจากทางว.13 ว่ามีผู้ป่วยเป็นผู้หญิงวัย 83 ปี ลื่นล้ม หมดสติ ทางทีมได้โทรกลับไปถามถึงอาการว่ายังมีชีพจรหรือไม่ ทางญาติแจ้งว่าผู้ป่วยหมดสติ ไม่รู้สึกตัว ชีพจรไม่เต้น ทางกู้ชีพจึงแนะนำให้ญาติทำ CPR ระหว่างรอรถกู้ชีพ

แต่ขณะที่ขับไปจนมาถึงช่วงใต้ทางด่วน กำลังจะเข้าซ้าย ทางทีมกู้ชีพได้พูดขอเข้าทางซ้าย แต่มีรถจักรยานยนต์ขี่สวนมาและขี่ไปทางที่ทีมกู้ชีพพยายามเร่งความเร็วเพื่อจะได้ถึงให้ไว แต่ทางขวาเบี่ยงไปไม่ได้ ทางซ้ายก็เบี่ยงไม่ได้ คู่กรณีขับช้า ตนจึงบีบแตรพร้อมกดออกเสียงเพื่อให้คู่กรณีหลบแต่ไม่หลบ พอมาถึงช่วงที่หลบได้ คู่กรณีก็หลบแต่ชะลอ มีช่วงหนึ่งคู่กรณีชำเลืองมองนึกว่าแซงไปแล้ว แต่กลับบิดแซงและปาดดิ่งตรงไป แต่ทางรถกู้ชีพต้องยูเทิร์นเพื่อเลี้ยวเข้าไปบ้านผู้ป่วยแถวงามวงศ์วาน 12 พอไปถึงที่บ้านผู้ป่วยได้เสียชีวิตแล้ว

นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า สุดท้ายอยากฝากเหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ หากผู้ใช้รถใช้ถนนได้ยินเสียงรถพยาบาล เลี่ยงขวาหรือซ้ายได้ช่วยเลี่ยงให้หน่อย แต่ในพื้นที่นนทุบรี บางคนเลี่ยงให้กันเยอะ ขอบคุณคนที่หลบหลีกให้รถพยาบาล สำหรับเหตุการณ์นี้ยังไม่ได้คุยกับญาติผู้เสียชีวิต ตอนไปถึงบ้าน ทีมเข้าไปดูผู้ป่วยก่อน ใช้เครื่องวัดชีพจรพบว่าไม่ขึ้นแล้ว จึงนั่งคุยกับญาติ ทางญาติเข้าใจและยอมรับในการตัดสินใจของแพทย์ว่าผู้ป่วยไม่สามารถกลับมาได้แล้ว ยืนยันว่าเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ อยากฝากบอกคนขับรถจักรยานยนต์ อยากให้หลบ ไม่รู้เลยว่ารถพยาบาลแต่ละคันมีเคสหนักหรือไม่ แต่หลบได้หลบเถอะ เสียเวลาแค่ไม่กี่วินาที

ด้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ให้สัมภาษณ์ว่า การกีดขวางรถพยาบาลที่เปิดสัญญาณไซเรนเพื่อขอทางตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 76 กำหนดไว้ว่า ไม่ว่าจะเป็นคนที่เดินอยู่บนถนนจะต้องหลบเข้าข้างทาง รถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือถ้ากำลังเลี้ยงวัว ควาย หรือยานพาหนะที่เป็นสัตว์ ต้องให้หลบเพื่อให้รถฉุกเฉินไปก่อน หากฝ่าฝืนตามกฎหมายใหม่ปรับ 2,000 บาท หากมีผู้ป่วยอยู่ในรถและเสียชีวิตเพราะจอดรถกีดขวางการจราจรเพื่อไม่ให้รถฉุกเฉินไปถึงที่หมาย อาจถูกตั้งข้อหากระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผูัอื่นถึงแก่ความตาย ทางญาติผู้เสียชีวิตมีสิทธิ์ดำเนินคดี เพราะจอดรถขวางทำให้คนไข้ไปถึงมือคุณหมอไม่ทัน ใจเขาใจเรา