สังคม

แม่โวยสะใภ้กีดกันไม่ให้เจอลูกชาย

โดย onjira_n

4 ก.ค. 2566

5.5K views

ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์คุณนฤชา กมุทโยธิน เดินทางไปที่บ้านของ นางโอ๋ อายุ 62 ปี

โดยนางโอ๋ เปิดเผยถึงเรื่องราวชีวิตสุดเศร้าของตัวเองที่อยากเจอหน้าลูกชาย คือ นายคุณวุฒิ หลังไปอยู่กินฉันสามีภรรยา กับนางสาวมะลิ แล้วทิ้งผู้เป็นแม่ไปโดยกลับไม่เหลียวแล นานกว่า 4 ปี ตั้งแต่ปี 62



แม้กระทั่ง โทรศัพท์มือถือก็บล็อคเบอร์แม่ ย้ายที่อยู่อาศัยไม่ให้ นางโอ๋ ผู้เป็นแม่ได้รับรู้ จนทุกวันนี้ นางโอ๋ กินไม่ได้นอนไม่หลับมานานกว่า 1 ปี เพราะคิดถึงแต่ลูกชายเพียงคนเดียวที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะจน ส่งเสียเล่าเรียนจนจบชั้น ปวส.



นางโอ๋ เล่าให้ฟังอีกว่า ตนเองมีลูก 2 คนคนโตผู้หญิง ส่วนคนเล็กผู้ชาย ซึ่งสามีตนเสียชีวิตด้วยโรคเบาหวาน เมื่อ 20 กว่า ปี ช่วงนั้นตนท้องลูกชายคนนี้ 6 เดือน เคยถูกคนข้างห้องพยายามข่มขืน แต่ตนดิ้นสู้เอาตัวรอดมาได้และปลอดภัยทั้งตนและลูกชาย หลังจากนั้น ก็ใช้ชีวิตกัน 3 คนแม่ลูก นางโอ๋เลี้ยงดูลูกมาอย่างดีไม่เคยให้ทำงานบ้านสักอย่างและมีความผูกพันกับลูกชายคนนี้มาก เมื่อก่อนทุกครั้งที่เขากลับจากเรียนหนังสือ เขาก็จะมาหอมแก้มกอดแม่ตลอดเวลา



แต่พอมารู้จักกับนางสาวมะลิ และคบหาเป็นแฟนกันนั้น ลูกชายเคยพาแฟนสาวมาอาศัยอยู่ที่บ้านตนนานถึง 3 ปี ตลอดเวลาตนก็รักแฟนลูกชายคนนี้เหมือนที่ลูกชายรัก บางครั้งลูกชายทะเลาะกับแฟนสาวตนยังเข้าข้างแฟนสาวของลูกชายเลย มาระยะหลังๆตนรู้สึกว่า ลูกชายมีอาการเหม่อลอย และหลงใหลในตัวแฟนสาวคนนี้มาก



ญาติพี่น้องของตนจึงเอารูปลูกชายและแฟนสาว ไปให้พระอาจารย์ชื่อดังใน จังหวัดนนทบุรี เมื่ออาจารย์เห็นรูปลูกชายกับแฟนสาวของลูกชายก็บอกกับตัวเองว่า ลูกชายโดนมนต์เสน่ห์อย่างแน่นอน



จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง นางโอ๋ ได้เอาผ้าถุง คลุมหัวลูกชาย ปรากฏว่า ลูกชายทำตาเขียวใส่แล้วตะคอกว่า "อย่ามาทำแบบนี้นะ คิดว่าโดนของหรอ"  แล้วจู่ๆเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 65 ทั้งสองคนก็ได้หอบเสื้อผ้าออกจากบ้านตนเองไป โดยไปเช่าบ้านอยู่แถววัดสวนแก้ว นนทบุรี ตนเองก็รู้สึกเสียใจเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด รักทั้งสองคนไม่น้อยไปกว่ากัน หลังจากตนเองทราบว่าทั้งสองคนไปเช่าบ้านอยู่ ตนเองจึงได้ชวนญาติผู้น้องไปหาลูกชาย  



แต่เมื่อไปถึงทางแฟนลูกชายและแม่ของเขา กีดกัน ไม่ยอมให้ลูกชายของตนออกมาพบหน้า ให้แค่เพียงตนยืนคุยกับลูกชายผ่านรั้วประตูบ้านเท่านั้นตนได้แต่ร้องไห้คร่ำครวญ ขอให้ลูกชายออกมาข้างนอกเพื่อจะขอกอดให้หายคิดถึง แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตจากแฟนสาวของเขา



ตนจึงเปิดประตูเข้าบ้านไป เขาก็ตะโกนไม่ให้เข้ามา ก่อนจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเอาตัวตนออกไป และแจ้งข้อหาบุกรุก โชคดีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เอาเรื่อง แล้วพูดให้ตนฟังว่าลูกชายอายุ  20 กว่าแล้ว ลูกโต ไม่ต้องไปเป็นห่วงเขาหรอก ปล่อยเขาไปเถอะ



ล่าสุดนักข่าว สามารถติดต่อลูกชายและแฟนของลูกชายนางโอ๋ได้ ลูกชายบอกว่า ไม่ต้องการเจอแม่คนนี้อีกเหมือนกัน พอนางโอ๋ทราบคำตอบ ของลูกชายแบบนี้รู้สึกจุกอกจนไม่มีน้ำตาไหล และขอประกาศว่าหากลูกชายจะตัดแม่ตนเองก็พร้อมจะตัดลูกชายเหมือนกัน และขอให้ลูกชายเปลี่ยนชื่อ - นามสกุล เปลี่ยนชื่อเล่น และนำทรัพย์สินเงินทองมาคืนด้วย มี ทอง 2 บาท , นาฬิกา 1 เรือน , หลวงพ่อแป๊ะยิ้ม , รูปถ่ายพ่อแม่ และเงินฝากในธนาคารที่บัญชีเป็นชื่อลูกชาย ที่แม่จะฝากไว้ให้ทุกเดือนเตรียมที่จะเซอร์ไพรส์ลูก แต่มาเกิดเหตุการณ์แบบนี้แม่จึงขอคืน ส่วนรถจยย. ที่แม่และ ญาติพี่น้องของแม่ซื้อให้ ยกให้ลูกชายไม่เอาคืน





ขณะที่นายอั๋น ลูกชาย และนางสาวมะลิ แฟนของลูกชายนางโอ๋ เปิดใจกับผู้สื่อข่าวถึงสาเหตุที่ต้องออกจากบ้านมาพร้อมกับแฟนสาว ซึ่งที่อดทนอยู่ที่บ้านกับนางโอ๋ นานถึง 3 ปี โดยอั๋นบอกว่าตัวเองคบหาเป็นแฟนกับนางสาวมะลิ ตั้งแต่สมัยเรียน ปวช. แล้วพามาอยู่ด้วยที่บ้านแม่ ซึ่งมีป้า , น้าสาว และพี่สาวอยู่ด้วย ช่วงแรกๆนั้นยังไม่มีปัญหาอะไรกระทั่งทั้งคู่เรียนจบ



นายอั๋นรู้สึกว่า ที่บ้านไม่มีใครชอบ น.ส.มะลิ แฟนสาวของตน เพราะทำอะไรก็ไม่ถูกใจ เหมือนโดนจ้องจับผิด ตอนนั้นนายอั๋น ก็ทำงานขับแกร๊ป หาเงินมาช่วยค่าน้ำค่าไฟ ส่วน มะลิ แฟนสาวก็ทำงานเหมือนกัน แต่มีภาระต้องส่งเงินให้ทางบ้าน แต่ทางแม่ฝ่ายชายก็ไม่พอใจ อยากให้แฟนลูกชาย ช่วยแบ่งเบาภาระที่บ้านหลังนี้ด้วย



จนกระทั่งเริ่มมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่อยมาและหนักขึ้น ถึงขั้นเอาผ้าถุงมาคลุมหัวทีเผลอเพราะคิดว่าตนโดนของ ซึ่งตนเอง ก็งงว่าแม่ทำอะไรน่าจะบอกกันดีๆ ตนเองก็ยอมทำให้ สุดท้าย นายอั๋นจึงตัดสินใจชวนแฟนสาว เก็บเสื้อผ้าออกไปหาห้องเช่าอยู่กันตามลำพังเพื่อตัดปัญหา



แต่ก็ไม่วาย นางโอ๋ แม่ของตน ก็ไปร้องเรียนหน่วยงานต่างๆเพื่อให้ตามหาตัวลูกชาย ไปถึงมูลนิธิกระจกเงา จนเป็นเรื่องราวใหญ่โต ตนจึงคิดว่าแม่อายุเริ่มมากขึ้นมีอาการเลอะเลือนและถูกญาติพี่น้องบงการ เพราะมีบางช่วงแม่พยายามขอให้ตนเองเซ็นเอกสารอะไรบางอย่าง แต่ตนไม่ยอมเซ็นและก็เริ่มมีปัญหากันเรื่อยมา



ทั้งแม่และน้าสาวเคยดูถูกและไล่ตนกับแฟนออกจากบ้านแล้วพูดว่า "ไม่มีกูมึงจะอยู่ได้ไหม" ซึ่งตอนนี้ตนและแฟนสาวก็อยู่ได้แล้ว ยืนยันว่าไม่ได้โกรธ แต่ไม่อยากยุ่ง ความเป็นแม่ อั๋นบอกว่า ตัดขาดไม่ได้ ไม่มีใครตัดแม่ตัวเองลงได้ สุดท้ายตนขอให้น้าสาวอย่ามายุ่งกับตนอีกเลยต่างคนต่างอยู่ ตนขอจบเพียงเท่านี้ ทรัพย์สินต่างๆที่แม่อยากได้ จะคืนให้ แต่บัญชีเงินเก็บที่แม่โอนเงินไว้ให้ทุกเดือน อันนี้ อั๋นบอกว่า ไม่ทราบ และ สมุดบัญชีไม่ได้อยู่ที่ตนเอง



ส่วนนางสาวมะลิ แฟนสาวของนายอั๋น บอกว่าช่วงที่ตัวเองไปอยู่บ้านแฟน 3 ปี มักเจอคำพูดด่าทอ ดูถูกสารพัด ซึ่งตนเองไม่เคยเจอคำหยาบคายมาก่อน แต่ก็มาถูกญาติพี่น้องทางฝั่งแฟนด่าด้วยคำพูดหยาบคาย แม่ของแฟนบอกว่า จะมาสู่ขอเป็นเรื่องเป็นราว ตนเองก็อดทนจนเรียนจบทั้งคู่คิดว่าจะมีอะไรดีๆเกิดขึ้นแต่สุดท้ายก็แย่ลงทุกที เคยถึงขั้นถูกน้าสาวของแฟนกระชาก ลงจากที่นอนและไล่ออกจากบ้าน



วันนี้ครอบครัวของแฟนกล่าวหาตนมากเกินไป เหมือนว่า จะดูละครมากไป มาคิดเรื่องทำของ ทำคุณไสย ตอนนี้ข่าวออกไปหลายช่องตนรู้สึกอายที่แม่แฟนมาพูดถึงให้ตนเสียหายขนาดนี้ ซึ่งตั้งแต่ตนกับแฟนย้ายออกมาจากบ้านมา มีแต่คนบอกว่าแฟนตนดูดีขึ้น โตขึ้น ตนกับแฟนมีความตั้งใจจะสร้างครอบครัว แต่มักถูกน้าสาวแฟนโพสต์เฟซบุ๊กด่าประจำและอ้างว่ารู้จักกับข้าราชการใหญ่โต เหมือนจะข่มขู่



ซึ่งน้าสาวของแฟนเคยโพสต์ว่าไม่มีหลานคือหมายถึงตัดแฟนตน ตนก็ขอให้เป็นแบบนั้นและอย่ามายุ่งกับพวกตนอีก และที่แม่แฟนตนให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า รักตนเหมือนลูกมันไม่ใช่ความจริงแม้แต่เพียงนิดเดียว คำพูดกับการกระทำมันสวนทางกันเกิดไป




คุณอาจสนใจ

Related News