สังคม
ต้นกะเพราเป็นเหตุ! แม่เฒ่าวัย 91 ถูกสะใภ้ฟ้องจนขึ้นศาล ปมทะเลาะปลูกกะเพราล้ำที่ดินลูกชาย
โดย paweena_c
19 ก.ย. 2567
170 views
หลานสาวร้องขอความเป็นธรรม หลังยายถูกลูกสะใภ้ฟ้องหมิ่นประมาท ปมเหตุปลูกต้นกะเพราล้ำที่ดิน
คุณ วิภา สาสุข อายุ 48 ปี ร้องมาที่เพจโหนกระแส เล่าว่า ตนเป็นหลานคุณยายน้ำวุ้น อายุ 91 ปี อยู่บ้านใกล้กัน โดยคุณวิภา บอกว่า คุณยาย มีลูกชาย 2 คนและอาศัยอยู่ในพื้นที่ จังหวัดกาญจนบุรี ต่อมาได้มีการแบ่งที่ดินให้ลูกตามปกติ ซึ่งเป็นที่ดิน ภบท.5 ไม่มีโฉนด แต่อนุญาตให้ทำกิน ก็มีการแบ่งให้ลูกไป แต่ยอมรับว่า ลูกชาย 2 คนมีปัญหากับแม่ เรื่องการแบ่งที่ดินซึ่งล้ำกันไปมา
ต่อมาเมื่อเดือน กรกฎาคม 2567 คุณยายมีปัญหาทะเลาะกับลูกสะใภ้และลูกชาย หลังจากแบ่งที่ดินให้ คุณยายปลูกต้นกะเพราเรียงไว้ที่รั้วของตัวเอง แต่ลูกชายกลับบอกว่า คุณยายไป ปลูกล้ำที่ของเขา ทั้ง ๆ ที่เป็นที่ดินของคุณยาย ทำให้มีการด่าทอกันไปมา
ซึ่งตนมาทราบภายหลังว่า คุณยายถูกลูกสะใภ้ด่าว่า "อีร้อย... (ค.) อี...ทอง" จากนั้นคุณยายก็ด่าลูกสะใภ้กลับเช่นกัน และต่างฝ่ายต่างมีการไปแจ้งความ ที่ สภ.ห้วยกระเจ้า โดยมีการยืนยันจะดำเนินคดี พอเวลาผ่านไป คุณยายเห็นว่าคดีไม่คืบหน้า ก็เลยให้ตนพาไปที่โรงพักเพื่อตามความคืบหน้าของคดี แต่ร้อยเวร กลับบอกว่าเห็นเป็นแม่ลูกกันคิดว่าจะไกล่เกลี่ยกันได้ ก็เลยยังไม่ดำเนินการใด ๆ และคุณยายก็ไม่มีพยานด้วย
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 16 กันยายน ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรหาคุณยาย บอกให้ยายไปพบตำรวจที่โรงพัก ตอนนั้นไม่มีใครพายายไปได้ ยายจึงมาบอกให้ตนขี่มอเตอร์ไซค์พาไปพบตำรวจ จนมารู้ว่า ยายถูกลูกสะใภ้ดำเนินคดี และจะมีการส่งฟ้องต่อศาลในวันรุ่งขึ้น โดยตำรวจนัดให้ไปขึ้นศาลใน อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี และต้องขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหาที่โรงพัก ตนจึงขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งยายขึ้นรถผู้ต้องหา ตอนนั้น ทำให้ตนยังเจ็บใจแทนยาย เพราะยายก็อายุ 91 ปี แล้ว และยายก็ไม่รู้หนังสือ อ่านไม่ออก แต่กลับถูกดำเนินคดีจากลูกสะใภ้ตัวเอง
ตอนไปขึ้นศาลตนก็พาไป แต่ไม่ได้เข้าไปกับยายด้วย เพราะตำรวจไม่ให้เข้า พอรู้อีกทีว่า ว่ายายมีความผิด ต้องจำคุก 1 เดือน ถูกปรับ 2,500 บาท เหตุที่ว่า ไปด่ากลับลูกสะใภ้ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ผู้เสียหายเป็นผู้หญิงไม่ดี สำส่อน เอากับคนอื่นไปทั่ว ทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชัง
แต่ศาลเมตตา ไม่ได้ให้เสียค่าปรับ ส่วนเรื่องจำคุก รอคุมประพฤติ 1 ปี แต่ต้องไปเซ็นเอกสาร ซึ่งตนไม่รู้ขั้นตอนตรงนี้ ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความจริง และตนรู้สึกเจ็บใจและเสียใจแทนคุณยาย เพราะตนมาทราบอีกว่า ตอนฟ้องร้องนั้นลูกสะใภ้ฟ้อง และที่เจ็บใจที่สุดคือลูกชายเป็นพยานให้ภรรยาตัวเอง เพื่อดำเนินคดีกับแม่
ซึ่งตนคิดว่าคุณยายไม่ได้รับความเป็นธรรมจากตำรวจ เพราะน่าจะถามยายก่อนว่า มีหลานหรือมีคนรู้จักหรือไม่ ให้มาช่วยอ่านหนังสือให้แทนได้ไหม เพราะยายแก่มากแล้ว อ่านหนังสือไม่ออก เวลาใครพูดอะไรก็พิมพ์ลายนิ้วมือแทนลงไป
ทางด้านของคุณยาย น้ำวุ้น บอกว่า ยายเคยทะเลาะกับลูกชายหลายต่อหลายครั้ง ที่หนักสุดคือ ลูกชายหาว่ายายไปปลูกต้นไม้ล้ำที่ดินของเขา แล้วไปเรียกลูกสะใภ้มา พอมาถึง ลูกสะใภ้จิกหัวยาย พร้อมกับใช้รองเท้าตบมาที่ใบหน้ายายจนสลบไป โชคดี มีชาวบ้านแถวนั้นเข้ามาช่วย นำยายขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ ขี่ไปส่งโรงพยาบาล
ครั้งนั้น ยายรู้สึกตัวอีกทีอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว คุณหมอได้แจ้งตำรวจให้ตำรวจมาสอบปากคำตอนยายอยู่โรงพยาบาล ยายก็เล่าไปตามความจริง ตำรวจเลยแนะนำว่าหลังจากออกจากโรงพยาบาลให้ยายไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากออกโรงพยาบาลยายได้ไปสถานีตำรวจ ตำรวจเลยเรียกลูกชายและลูกสะใภ้มาไกล่เกลี่ย ครั้งนั้นลูกชายโยนเงินให้ 1,000 บาท แล้วต่างคนต่างแยกย้ายกันไป