สังคม

หญิงใจกล้า ขโมยสร้อยทอง 'แม่นาคพระโขนง' พบสติไม่ดี วัดไม่ติดใจเอาความ

โดย nattachat_c

17 ก.พ. 2566

327 views

วานนี้ (วันที่ 16 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า มีคนสติไม่สมประกอบไปขโมยสร้อยคอทองจากรูปปั้นแม่นาคพระโขนงในศาลาแม่นาคพระโขนง วัดมหาบุศย์ ถนนอ่อนนุช แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง เมื่อคืนวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา จนปรากฎคลิปขณะที่สายตรวจ สน.พระโขนง มาควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไปโรงพัก โดยผู้ก่อเหตุพูดจาตะโกนโวยวายอย่างไร้สติและฟังไม่รู้ความ

ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางมายังศาลาแม่นาคพระโขนง วัดมหาบุศย์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์นี้ โดยได้พบกับคุณจตุพล ดวงดี อายุ 29 ปี ผู้ดูแลศาลา ระบุว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 23.06 น. ของวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุเป็นสาวทอม เดินทางมาสักการะไหว้แม่นาคพระโขนงตามปกติเมื่อเวลา 23.00 น. ต่อมาก็สังเกตเห็นว่าผู้ก่อเหตุขึ้นไปปิดทองนานกว่าปกติ 3 นาที จึงดูในกล้องวงจรปิดก็พบว่า ผู้ก่อเหตุพยายามที่จะปลดสร้อยคอที่รูปปั้นแม่นาคถึง 2 ครั้ง โดยทำทีเป็นเหมือนกำลังปิดทองที่ข้อต่อและหันมาชำเลืองเป็นระยะ ๆ


จากนั้นเวลา 23.06 น. ตามปรากฎในกล้องวงจรปิด ก็สามารถปลดสร้อยคอออกมาได้แล้วนำไปซ่อนใส่ในกระเป๋ากางเกงข้างขวา ตนและเจ้าหน้าที่ดูแลศาลคนอื่นจึงรีบขึ้นไปดูและบอกให้ผู้ก่อเหตุคืนสร้อยออกมา ผู้ก่อเหตุก็ปฏิเสธอ้างว่าไม่รู้เรื่อง จนต้องพาตัวลงมาจากศาลาเพื่อค้นตัว แต่คนร้ายพยายามจะหนี จึงมีพลเมืองดีช่วยกันไว้ ด้วยความที่ตนเป็นผู้ชาย จึงไม่สามารถค้นได้ เผอิญผู้หญิงพลเมืองดีอาสาค้นกระเป๋ากางเกงให้ ก็พบเจอสร้อยคอจริง ๆ ซึ่งผู้ก่อเหตุพยายามปฏิเสธบ่ายเบี่ยงที่จะคืน โดยอ้างว่าเขานำมาถวายท่านเองและจะปลดออกเพื่อนำกลับ แต่ทุกคนไม่เชื่อ


ตนยืนยันว่ามีภาพวงจรปิดพิสูจน์ความจริง เลยลากตัวผู้ก่อเหตุมาควบคุมไว้ในซุ้มขายของเพื่อรอตำรวจ ซึ่งขณะนั้นตัวผู้ก่อเหตุก็โวยอย่างคนเมาไร้สติ แต่ไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์แต่อย่างใด อ้างยืนยันว่าตนนำมาถวายเองและพูดจาวกไปวนมา จนสุดท้ายสายตรวจ สน.พระโขนงก็มานำตัวไปที่โรงพัก


ทั้งนี้ผู้ดูแลศาลา กล่าวอีกว่า พวกตนไม่มีเจตนาจะดำเนินคดีและเอาเรื่อง เนื่องจากสร้อยคอดังกล่าวเป็นทองชุบและเห็นว่าผู้ก่อเหตุสติไม่ดี หากคืนทองแต่โดยดีก็จะปล่อยตัวไป แต่พอทำท่าทีโวยวายและไม่ยอมรับ จึงจำเป็นต้องแจ้งตำรวจ


อย่างไรก็ตามพวกตนไม่เคยเห็นผู้ก่อเหตุคนนี้มาก่อน เพราะวันหนึ่งที่ศาลาก็มีคนมาสักการะย่านาคจำนวนมาก และก็ไม่ทราบเรื่องการดำเนินคดี เพราะวัดดำเนินการ แต่ยืนยันว่าหลังจากนี้จะรัดกุมในเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น โชคดีที่ติดวงจรปิดในศาลาจึงมีพยานหลักฐานชัดเจน และฝากถึงประชาชนว่า หากจะนำสร้อยทองมาถวายท่าน โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนเพื่อทำพิธีอย่างถูกต้องก่อนจะนำไปถวายแก่วัดต่อไป


สำหรับคืนเกิดเหตุนั้น เป็นคืนก่อนวันหวยออก จึงเปิดศาลาข้ามคืนยันรุ่งเช้า ทำให้เกิดเหตุการณ์ตอนกลางดึก ส่วนในวันเวลาปกติ ศาลาจะเปิดตอน 6.00 น. และปิดตอน 17.30 น.


ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับพระลูกวัดท่านหนึ่งของวัดมหาบุศย์ เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุเป็นหญิงสติไม่ดี แต่ไม่เคยเจอที่วัดมาก่อน เบื้องต้นทางคณะกรรมการวัดเห็นว่า ผู้หญิงคนนี้สติไม่สมประกอบ และสร้อยทองดังกล่าวเป็นทองชุบ จึงไม่ติดใจที่จะเอาความ โดยเตรียมที่จะถอนแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ซึ่งหลังจากนี้จะดำเนินการด้านความปลอดภัยให้เข้มงวดมากขึ้น


ต่อมาทีมข่าวได้สอบถามรายละเอียดทางคดีกับพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง โดยระบุว่า จากการสอบสวนคดี ผู้ก่อเหตุอ้างว่าเป็นคนซื้อสร้อยดังกล่าวมาถวายเองและอ้างว่าแจ้งคณะกรรมการวัดแล้วว่าจะนำกลับไป อย่างไรก็ตาม ตัวผู้ก่อเหตุมีสติไม่สมประกอบและพูดจาไม่รู้เรื่อง จึงไม่สามารถที่จะดำเนินการสอบปากคำได้ และทางวัดยังมิได้ดำเนินการเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน จึงยังไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์แก่ผู้ก่อเหตุได้ได้


โดยขณะนี้ตัวผู้ก่อเหตุยังอยู่ในการควบคุมตัวของพนักงานสอบสวน และยังไม่สามารถระบุชื่อหรือตัวตนได้ว่าเป็นใคร แต่สันนิษฐานว่าน่าจะมีญาติอยู่ในบริเวณละแวกนี้ เตรียมดำเนินการประสานให้ญาติมารับตัวไปส่งโรงพยาบาลจิตเวช โดยหากครบ 48 ชั่วโมงตามกฎหมายวิอาญาแล้วยังไม่มีญาติมารับตัว ทางตำรวจจะดำเนินการไปส่งโรงพยาบาลจิตเวชด้วยตนเอง


ทั้งนี้ การดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุที่มีอาการป่วยทางจิตเวช หรือสติไม่สมประกอบนั้น หากทางเจ้าทรัพย์หรือผู้เสียหายดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ ก็สามารถดำเนินคดี แจ้งข้อหาได้ แต่ต้องมีญาติมาระบุตัวตนและนำส่งโรงพยาบาลจิตเวช เพื่อวินิจฉัยแน่ชัดว่ามีอาการป่วยทางจิตจริง ไม่สามารถนำตัวไปฝากขังได้ และตัวผู้ก่อเหตุเองต้องอยู่ในภาวะที่สามารถสอบปากคำหรือให้การกับทางตำรวจได้


สำหรับคดีนี้นั้น แม้การลักทรัพย์เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน แต่ในเมื่อวัดมหาบุศย์ซึ่งเป็นเจ้าทรัพย์ผู้เสียหายโดยตรงไม่ติดใจที่จะดำเนินคดี จึงไม่เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ พนักงานสอบสวนก็ไม่สามารถที่จะแจ้งข้อกล่าวหาได้ด้วยตนเอง แม้เป็นความผิดอาญาแผ่นดินก็ตาม เพราะพฤติการณ์ของคดีนี้ไม่ใช่การกระทำผิดซึ่งหน้าเจ้าพนักงาน หากขืนแจ้งข้อกล่าวหาไป สุดท้ายอาจจะถูกอัยการตีตกไม่สั่งฟ้องได้


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/r3zwkhf8qxA


คุณอาจสนใจ

Related News