สังคม

สาววัย 24 ปีร้อง ถูกเพื่อนชายพาซ้อนจักรยานยนต์ระหว่างเมา ขับเข้าโรงแรมหวังล่วงละเมิด แจ้งความกว่า 3 เดือนคดีไม่คืบ

โดย paranee_s

14 ธ.ค. 2565

536 views

วันนี้ (14 ธ.ค.) ผู้เสียหายรายนี้ เป็นหญิงอายุ 24 ปี เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่ 29 กันยายน 2565 โดยตนเองได้ร่วมงานกับชายคู่กรณีอายุ 36 ปี จากการไปทำงานแจกเครื่องดื่มสุขภาพที่สวนสาธารณะ


หลังจากทำโปรเจกค์เสร็จครบ 1 เดือน จึงมีการนัดสังสรรค์กันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในซอยมหาดไทย ย่านลาดพร้าว 122 ซึ่งมีกันประมาณ 10 คน เป็นหญิง 5 คน และ ชาย 5 คน ก่อนไปรับประทาน ตนมีการนัดแนะกับเพื่อนว่าให้ขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งที่หอพักของเพื่อนย่านรัชดาภิเษก 36


ซึ่งปกติ ตนจะเป็นคนไม่ค่อยดื่มแอลกอฮอล์ หรือ ไม่ก็ดื่มเฉพาะเหล้าปั่น และจะรู้ลิมิต ถ้าเมาจะไม่ดื่มต่อ แต่คืนเกิดเหตุ ตนชวนรุ่นน้องผู้หญิงไปเข้าห้องน้ำ เพื่อเช็กดูว่า มีผื่นตามร่างกายหรือไม่ เพราะตนแพ้แอลกอฮอล์ แต่ก็ไม่มี จากนั้นตนกลับมาที่โต๊ะ และดื่มเหล้าปั่นแก้วเดิม กลับรู้สึกมึนเร็ว ขาพับ นั่งไม่ได้ ทิ้งตัว แต่ยังมีสติ ก่อนที่ชายที่เป็นคู่กรณี จะมากอดคอ และพยายามจะล้วงจับหน้าอก ก่อนที่จะอาสาไปส่งกลับหอพัก


จากนั้น รุ่นน้องผู้หญิงที่ตนชวนไปห้องน้ำ และคู่กรณี หิ้วตนขึ้นมา และบอกกับทุกคนว่า จะพาตนไปเข้าห้องน้ำ แต่กลับพาตนออกไปจากร้าน และพาขึ้นรถจักรยานยนต์ซ้อน 3 ออกไป จากนั้น


จากนั้นก็พาตนขี่รถออกไปตามทาง และขับไปที่ซอยลาดพร้าว 130 โดยภาพวงจรปิดเห็นว่า ตนถูกพาขึ้นรถจักรยานยนต์ไปตามทาง ตอนนั้นตนประคองตัวไม่ได้


และก็เห็นว่าชายคู่กรณีไม่ได้พาไปส่งที่หอพักเพื่อน แต่กลับขับรถพามาโรงแรม ย่านลาดพร้าว 130 ตนเองทราบว่าไม่ใช่หอพักเพื่อน จึงพยายามทิ้งตัว ก่อนที่ฝ่ายชายจะไปเปิดห้องพัก และจากนั้ ฝ่ายชายคู่กรณี กับเพื่อนรุ่นน้องผู้หญิงพาขึ้นไปในห้องพัก


ผู้เสียหายอ้างว่า ตอนไปถึงที่ห้อง มีการคร่อมตัว ฝ่ายชายเหลือแค่กางเกงบอกเซอร์ ก่อนที่พยายามจะล่วงละเมิดทางเพศ ตนพยายามดิ้นต่อสู้ คู่กรณีพูดว่า “ให้กูไม่ได้หรอ ให้ครั้งนึงไม่ได้เลยหรอ” และพยายามจะข่มขืน ล้วงจับลูบคลำตน ตนพยายามฮึด และหนี วิ่งไปหยิบโทรศัพท์ และแชตหาเพื่อนให้มาช่วย ก่อนวิ่งลงมา


ต่อมาวันที่ 30 กันยายน ตนจึงไปแจ้งความที่ สน.ลาดพร้าว และได้ตรวจร่างกาย ตรวจภายใน ตรวจเลือด ซึ่งตนยังไม่ทราบผลเลือดว่าพบสารอะไรในร่างกายที่ทำให้ตนประคองร่างกายไม่ได้หรือไม่


หลังจากนั้นได้มีการส่งข้อความแชตคุยกัน กับคู่กรณีฝ่ายชาย โดยข้อความของฝ่ายชายระบุว่า ก็น้องน่ารักพี่เลยอดใจไม่ไหวจริง ๆ พี่ห้ามใจตัวเองแล้ว


นอกจากนี้ฝ่ายชายยังถามว่าเราจะได้เจอกันอีกไหมหลังจากนี้ กลัวจะหนีหาย รวมถึงข้อความที่บอกว่ากลิ่นตัวยังติดจมูกอยู่เลย ห๊อม หอม และยังมีอีกหลายข้อความที่ทั้งสองฝ่ายมีการพูดคุยกัน ก่อนที่ฝ่ายชายจะส่งข้อความ มาชี้แจงว่าเรื่องราวทั้งหมดตนเองแค่แกล้ง และยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไร สาเหตุที่แกล้งเพราะฝ่ายหญิงเรียกร้องจะเอาเงิน 10,000 บาท ตนเองเลยแกล้งกลับ พร้อมระบุว่าถ้าไม่เชื่อให้ไปตรวจร่างกาย


แต่ฝ่ายผู้เสียหาย ยืนยันว่าสาเหตุที่ออกมาเรียกร้อง เพราะต้องการให้ได้รับโทษในสิ่งที่ทำ ให้ได้รับโทษทางกฎหมาย ฝ่ายชายก็มีผู้ใหญ่มาเจรจาไกล่เกลี่ย จ่ายเงิน ตนก็ปฏิเสธไป เพราะต้องการให้ได้รับโทษ และคดีผ่านมา 3 เดือนแล้วกลับไม่มีความคืบหน้า


วันนี้จึงต้องเดินทางมาร้องเรียนกับทางทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ที่สำนักงานทนายคู่ใจ เพื่อปรึกษา และติดตามความคืบหน้าทางคดี


ซึ่งทนายรณณรงค์ ระบุว่า หลังจากนี้ จะไปติดตามความคืบหน้าคดีที่ สน.ลาดพร้าว และอยากทราบผลการตรวจร่างกาย และตรวจเลือด เบื้องต้น เข้าข่ายข่มขืนอนาจารได้ และหากผลเลือดพบว่ามีสารแปลกปลอมก็เข้าข่ายการ ทำร้ายร่างกาย ได้ เบื้องต้นมีพยานบุคคล และวงจรปิด รวมถึงต้องขอตรวจสอบว่า รุ่นน้องหญิงที่ไปด้วยมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่


ขณะที่ทีมข่าวได้โทรไปสอบถามข้อมูล จากฝ่ายชายที่ถูกกล่าวหา ชี้แจงว่า ไม่ได้มีการกระทำเกินเลย ในคืนวันเกิดเหตุ ออกจากร้านไปกันหลายคน และเป็นเพราะฝ่ายหญิงมีอาการเมามาก จึงจำเป็นต้องพาไปให้พักผ่อนที่โรงแรม


ส่วนข้อความในแชท ยืนยันว่าเป็นการแกล้งฝ่ายหญิง เพราะมีการแกล้งเรียกเงินก่อน ตนมองว่า ตนไม่ได้ทำอะไร ทำไมต้องมาจ่ายเงินด้วย แต่ฝ่ายหญิงก็จะเข้าใจผิดไปว่าตนกระทำอนาจาร ซึ่งจริงๆ แล้วไม่มีอะไรเกินเลย ไม่ได้มีการขึ้นคร่อมตัวฝ่ายหญิงใดๆ ทั้งสิ้น และขณะนี้ตนก็ยังรอหมายเรียกจากทางตำรวจอยู่

คุณอาจสนใจ

Related News