อาชญากรรม

ร้อง 6 เยาวชนรุมโทรม ด.ญ. 13 แจ้งความคดีไม่คืบ ผู้ปกครองผู้ก่อเหตุปัดรับผิดชอบ ให้ไปจับเอาเอง

โดย chutikan_o

3 มี.ค. 2568

1.1K views

แม่ร้องต้นอ้อเป็นหนึ่ง เยาวชน 6 คน อายุ 12-15 ปี ลวงรุมโทรมเด็กหญิงวัย 13 แจ้งความคดีไม่คืบ กังวลไม่ได้รับความเป็นธรรม ผู้ปกครองผู้ก่อเหตุปัดรับผิดชอบ ให้ไปจับเอาเอง

จากกรณีที่เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา พ่อของผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความกับ พ.ต.ท.ภูสิทธิ์ ชาญศรี สว.สส.สภ.หนองแค ว่าเมื่อวันที่ 18 ก.พ.2568 เวลาประมาณ 20.00 น. ด.ช.เอ อายุ 14 ปี ได้มารับ ด.ญ.บี ลูกสาวผู้แจ้งความ อายุ 13 ปี ออกไปที่บ้าน จากนั้น ด.ช.เอ บอกให้ ด.ญ.บี ไปรอในห้องจากนั้น ด.ช.เอ ได้กระทำชำเรา ด.ญ.บี 1 ครั้ง โดยความยินยอมของ ด.ญ.บี หลังจากนั้น ด.ช.เอ ได้ถาม ด.ญ.บี ว่าให้เพื่อนได้หรือไม่ จากนั้นให้ ด.ช.ซี เข้ามากระทำชำเรา ด.ญ.บี 1 ครั้ง โดยไม่ได้รับความยินยอม และมีเด็กชายอีก 4 คนเข้ามารุมกระทำชำเรา ด.ญ.บี โดยผลัดกันทำ ขณะนั้น ด.ช.เอ และ ด.ช.ซี ก็อยู่ในห้องในดูเหตุการณ์ด้วย หลังจากที่ทุกคนกระทำชำเราแล้ว ได้ให้แต่งตัว จากนั้น ด.ช.ซี พา ด.ญ.กลับมาส่งที่บ้าน

ล่าสุด เวลา 10.00 น. วันที่ 3 มี.ค. 2568 แม่ผู้เสียหายเข้าร้องเรียนกับต้นอ้อ เป็นหนึ่ง พร้อมทีมงาน ว่าลูกสาว 13 ปี ถูกเพื่อนรุ่นพี่ต่างสถาบันและสถาบันเดียวกันลวงไปรุมโทรม รับกังวลเรื่องคดี เพราะกลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชน อายุต่ำสุด 12 ปี ทีมงานจึงพามาติดตามคืบหน้าคดีที่ สภ.หนองแค จ.สระบุรี หลังเคยแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2568 โดยมีนางสุนิสา ไชยกุล เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายประภาวิน พื้นชมพู เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวสระบุรี เข้ารับฟังและปรับสภาพจิตใจเด็กหญิงบี

ทางด้านนางบัว (นามสมมติ) กล่าวว่า เธอเห็นว่าคดีเกิดขึ้นนานแล้ว แต่ยังไม่มีการจับกุมกลุ่มเด็กที่ร่วมกันรุมโทรมเด็กหญิงบี จึงได้เข้าร้องต้นอ้อ เป็นหนึ่ง เพื่อให้ช่วยติดตามเร่งรัดคดีให้ โดยลูกสาว อายุ 13 ปี ถูกเพื่อนรุ่นพี่ต่างสถาบันและสถาบันเดียวกันลวงไปรุมโทรม ในคืนวันที่ 18 ก.พ. เวลาประมาณ 19.30 น. น้องไปขอย่าออกไปซื้อขนมกับเพื่อนโดยไม่ได้บอกแม่ ย่านึกว่าไปเพื่อนผู้หญิงเลยให้ไปกับเพื่อนชายที่สนิทกัน จากนั้นเพื่อนคนดังกล่าวได้เปลี่ยนจุดหมายซึ่งไม่ได้พาน้องไปซื้อขนม แต่พาน้องเข้าบ้าน ซึ่งบ้านหลังนั้นค่อนข้างไกลบ้านคน โดยในบ้านมีเพื่อนชายอีกหลายคนอยู่ที่นั่น ตอนแรกเพื่อนคนที่ไปรับบอกให้น้องเข้าไปรอในห้องและพยายามขอมีอะไรด้วยบอกว่าถ้าไม่ยอมจะไม่ให้กลับบ้าน น้องเลยต้องยอมเพราะเกิดความกลัว แต่เมื่อฝ่ายชายกระทำน้องเสร็จ เขาได้บอกกับน้องว่าให้เพื่อนมาทำด้วยนะ น้องพยายามปฏิเสธแล้วแต่เขาไม่ฟัง เปิดประตูแล้วเรียกเพื่อนเข้ามาและข่มขู่ว่าถ้าไม่ยอมจะไม่ให้กลับบ้านดีๆ น้องกลัวเลยต้องจำยอม เพราะพวกเขามีกัน 6 คน หลังเสร็จมันขู่น้องห้ามบอกใคร ถ้าบอกจะฆ่าน้อง ฆ่ายกครัวเลย แล้วก็พาน้องมาส่งที่บ้านตอน 22.00 น. ตอนแรกน้องยังไม่กล้าเข้าบ้าน พ่อเดินไปรอหน้าบ้านถึงเจอน้อง พ่อน้องโกรธมาก น้องยังไม่ยอมบอก มาบอกเรื่องราวจริงๆ ตอน 23.00 น. เลยพากันมาแจ้งความตอนเกือบเที่ยงคืน ระหว่างที่น้องหายออกจากบ้านไปแม่ตามหาน้องตลอด ไม่มีเพื่อนคนไหนรู้เรื่องเลยแม่ก็รออย่างเป็นห่วงมาก ไม่รู้จะตามที่ไหน ในใจกลัวเรื่องแบบนี้มากแล้วสุดท้ายมันก็เกิดขึ้น ซ้ำผู้ปกครองของกลุ่มเด็กที่ก่อเหตุไม่มีท่าทีจะแสดงความรับผิดชอบ บอกว่าให้ไปจับเอาเองเลย ขอไม่ยุ่งเกี่ยว แม่น้องผู้เสียหายพยายามติดต่อไปทางโรงเรียนต้นสังกัดของกลุ่มเด็กผู้ก่อเหตุ ทางโรงเรียนแจ้งว่าเด็กเหล่านั้นไม่มาโรงเรียนหลายเดือนแล้ว

ด้านต้นอ้อ เป็นหนึ่ง เปิดเผยว่า หลังทราบเรื่องตำรวจไม่ได้ทำงานช้า แต่ติดเรื่องกระบวนการคุ้มครองเด็กที่ตำรวจยังไม่ได้แจ้งกับทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสระบุรี (พมจ.สระบุรี) จึงนัดกันมาลงพื้นที่ในวันนี้ (3 มี.ค. 2568) ซึ่งหลังเกิดเรื่อง ผอ.ของบางโรงเรียนที่เป็นต้นสังกัดที่กลุ่มผู้ก่อเหตุเรียน ได้บอกว่า เหตุนั้นไม่ได้เกิดในโรงเรียน จึงไม่ให้ข้อมูลเด็กผู้ก่อเหตุมา ซึ่งทางเราทราบดี แต่ผู้ก่อเหตุคือเด็กในต้นสังกัดของท่าน ท่านควรต้องให้ข้อมูลว่าเด็กเหล่านี้มีประวัติความเป็นมาเป็นอย่างไร และมีพฤติกรรมอย่างไรบ้าง โรงเรียนควรมีแอ็กชันในการเยียวยาสภาพจิตใจ และช่วยเหลือผู้เสียหายมากกว่านี้ อย่างไรก็ตามตอนนี้ผู้ปกครองของผู้ก่อเหตุต้องทราบพฤติกรรมของลูกๆ ของท่าน ซึ่งเด็กกลุ่มผู้ก่อเหตุ อายุมากสุด 15 ปี บางคนอายุน้อยสุดเพียง 12 ปีเท่านั้น ยอมรับว่าช็อก ถึงจะเป็นเด็กแต่ทำตัวแบบนี้ก็ไม่ควร

ด้านเจ้าหน้าที่ พมจ.สระบุรี กล่าวว่า หลังรับแจ้ง เราได้เชิญบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสระบุรีมาร่วมด้วย เราได้พูดคุยกับเด็กแล้ว น้องอยู่ในช่วงฟื้นฟูจิตใจ จึงให้คำแนะนำด้านสุขภาพจิตไป พร้อมกับแจ้งว่า หากเด็กประสงค์จะพบแพทย์จิต ทางเราจะประสานและพาไปทันที ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้เด็กตัดสินใจว่าอยากพบจิตแพทย์หรือไม่ ส่วนในเรื่องความเป็นอยู่ ผู้ปกครองประสงค์จะเลี้ยงดูลูกเอง ซึ่งทางเราทราบว่าครอบครัวของเด็กประกอบอาชีพสุจริตและไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินมากนัก ก็จะมีพูดคุยแจ้งเรื่องรับเงินเยียวยาจากจังหวัด นอกจากนี้ยังมีเรื่องการศึกษา ที่ทางเราจะไปคุยกับสถานศึกษาว่าเด็กต้องได้รับการศึกษาต่อ เพราะเด็กยังเรียนอยู่ชั้น ม.1 เท่านั้น



คุณอาจสนใจ

Related News