สังคม

เตือนภัย มิจฉาชีพ ทำทีมาสั่งกาแฟ เป็นร้อยแก้ว อ้างทำเรื่องเบิกเงินเกินขอให้ร้านทอนเงินมาให้ก่อนจะเชิดหนีไป

โดย onjira_n

12 ธ.ค. 2565

526 views

เฟซบุ๊ก เจ้าของร้าน มิกิ คอฟฟี่ ได้โพสต์ เตือนภัย ว่าร้านขายกาแฟของเธอ ถูกมิจฉาชีพ เป็นชาย อายุประมาณ 30-40 ปี อ้างตัวเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง ทำทีเข้ามาสั่งกาแฟ จำนวน 550 แก้ว บอกว่าจะนำไปเลี้ยงพนักงานที่มาอบรม โดยกาแฟ แก้วละ 45 บาท สั่ง 550 แก้ว เป็นเงิน 24,750 บาท แต่มิจฉาชีพ บอกให้เจ้าของร้าน เขียนบิล ในราคาแก้วละ 60 บาท อ้างว่า เบิกเงินมาในราคาแก้วละ 60 บาท ซึ่งเป็นเงิน 33,000 บาท แล้วจะนำเงินทั้งหมดให้กับร้าน แต่ให้ร้านเอาส่วนต่างจากค่ากาแฟของจริงมาให้ เป็นเงิน 8,250 บาท และได้ให้พนักงานเดินตามไปเพื่อรับเงิน แต่เมื่อมิจฉาชีพสบโอกาสก็ขอซองเงินทอนและถือเดินหายไป



ทีมข่าวลงพื้นที่ไปร้านกาแฟดังกล่าว ภายในซอยรัชดาภิเษก 1 ก็พบกับพนักงานของร้าน ที่ เป็นคนเดินตามมิจฉาชีพ ไผเพื่อจะรับเงินสด จำนวน 33,000 บาท โดยพนักงาน ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ว่า เมื่อเวลาประมาณ 8 โมงกว่า ของวันศุกร์ที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา ชายคนดังกล่าว ได้เข้ามาสั่งกาแฟ จำนวน 550 แก้ว กับเจ้าของร้าน ซึ่งเธอไม่ได้รู้เรื่องอะไร แต่เมื่อชายคนดังกล่าว สั่งเสร็จ ทางเจ้าของร้านก็ได้ให้ซองสีน้ำตาลกับเธอ และบอกว่า เดินตามชายคนดังกล่าวไป เพื่อไปรับเงินสดจำนวน 33,000 บาท ตอนนั้นเธอก็ไม่ได้คิดอะไร และไม่รู้ว่า ซองสีน้ำตาลที่เจ้าของร้านให้ถือไปด้วยนั้นมีเงินสด จำนวน 8,250 บาทอยู่ เดินก็เดินตามไปจนถึง หน้าห้างแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากร้าน ระหว่างทางเธอบอกว่า ชายคนดังกล่าวไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้คุยโทรศัพท์อะไรอีกด้วย เดินเฉยๆนำหน้าเธอ แต่เมื่อมาถึงหน้าห้างฯ ชายคนดังกล่าวก็หันหยิบซองสีน้ำตาลจากมือถือและบอกว่า รออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวจะไปหยิบเงินสดทั้งหมดมาให้ จังหวะนั้นเธก็ยืนรอ(ยืนกลางแดด) ซึ่งเธอก็มองหลังชายคนดังกล่าว ซึ่งก็เดินไปตามทางหน้าห้าง ไม่ได้เข้าห้าง แต่ช่วงเวลานั้นมีคนเดินพลุกพล่านและมีรถสวนทางทำให้เธอไม่ทันสังเกตว่าชายคนดังกล่าวเดินหลบไปทางไหน เธอยืนรอประมาณ หลายสิบนาที จนเจ้าของร้านโทรศัพท์มาตามเพราะไปนานผิดสังเกต และเธอก็บอกว่าชายคนดังกล่าวหายไปแล้ว นาทีนั้นเธอรู้เลยว่าต้องโดนหลอกแล้วแน่นอน





ขณะที่ นางสาว กชกร  อายุ 29 ปี เจ้าของร้าน ได้เล่ารายละเอียดกับทีมข่าว ให้ฟังว่า ชายคนดังกล่าว เข้ามาถามทางร้านว่า สามารถทำกาแฟแบบขวดได้หรือไม่ เพราะจะนำไปส่งในงานประชุมของธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนแรกเธอได้ปฏิเสธไปเพราะไม่มีขวด แต่ชายคนดังกล่าวก็ได้ทำทีออกไปคุยโทรศัพท์ และเข้ามาบอกว่า มีขวดให้ จะสั่ง จำนวน 550 แก้ว แบ่งรับ 2 วัน วันเกิดเหตุ ช่วงบ่าย 275 แก้ว และวันจันทร์ที่ 11 ธันวาคมอีก 275 แก้ว ซึ่งจังหวะนั้นเธอยอมรับว่า เธอสะเพร่า เพราะว่า หน้าร้านมีลูกค้าเยอะด้วยและก็อยากได้ออเดอร์ดังกล่าว ประกอบกับ ชายคนดังกล่าว ได้พูดรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคารที่อ้างได้ถูกต้อง และลักษณะภายนอกก็กูน่าเชื่อถือ เธอเลยไม่ได้เอะใจอะไร  ซึ่ง ชายคนดังกล่าว ได้เสนอราคา ให้เธอขวดและ 45 บาท แต่อ้างว่า ตนเองทำเรื่องเบิกเงินมาจากฝ่ายจัดซื้อ ในราคา 60 บาท เป็นเงิน 33,000 บาทพร้อมโชว์รูปเงินสดในมือถือให้เธอดู ซึ่งเจ้าของร้านก็ถามว่าเงินส่วนต่างจะต้องทำอย่างไร ทางมิจฉาชีพก็ได้ ขอให้ทางร้าน นำเงินสดส่วนต่างให้ตนเอง และจะให้เงินราคาเต็มกับทางร้าน และยังให้ทางร้านออกใบเสร็จเงินสด แต่ไม่ได้มีการเขียนหัวบิลว่าเป็นธนาคาร ซึ่งตอนนั้นเธอก็เริ่มเอะใจ แต่ก็ไม่ทันได้ทักทวงอะไรเพราะชายคนดังกล่าวได้เร่งให้เธอทำตามที่บอก และชายคนดังกล่าวก็บอกให้พนักงานในร้านตามชายคนดังกล่าวไป เธอจึงทำตามที่ชายคนดังกล่าวบอกและให้น้องพนักงานในร้านตามไป จนเธอผิดสังเกตและเอะใจว่าถูกหลอกแน่นอน จากนั้งเธอก็พยายามโทรศัพท์หาลูกค้าที่เป็นคนในธนาคารที่ถูกอ้าง ให้ช่วยเช็คว่ามีคนชื่อตามที่ชายคนดังกล่าวอ้างหรือไม่ และมีการประชุมหรือไม่ สุดท้ายไม่มี เธอจึงไปแจ้งความ  เธอยืนยันว่า ไม่เคยเห็นหน้าชายคนดังกล่าวมาก่อน และไม่เคยเป็นลูกค้าเธอมาก่อน





และหลังจากที่แจ้งความที่ สน.ห้วยขวาง ตำรวจนายหนึ่งก็บอกว่า เคยมีข่าวในลักษณะนี้ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี มีพฤติการณ์แบบเดียวกันเลยและมีรูปพรรณสัณฐานคล้ายกับคนที่ก่อเหตุที่ร้านเธอเลย จึงเชื่อว่าจะเป็นคนเดียวกัน



นอกจากนี้ผู้เสียหายยังฝากเตือน ให้เป็น อุทาหรณ์สำหรับร้านค้าอื่นๆ หากมีใครเข้ามาสั่งสินค้าจำนวนเยอะๆให้ตรวจสอบให้ดี ให้มีการวางเงินมัดจำ และฝากว่าหากใครพบเจอชายตามรูปในกล้องวงจรปิดให้ช่วยแจ้งเบาะแส เพราะเธอไม่อยากให้ใครต้องมาเจอแบบเธอ



คุณอาจสนใจ

Related News