สังคม

หญิงร้องเงินในบัญชีที่เก็บมา 20 ปีหายในพริบตา1,090,000 บาทหลังมิจฉาชีพหลอก

10 ม.ค. 2566

904 views

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 10 มกราคม 65 ที่สำนักงานทนายความคู่ใจถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี นางสาวโชติวรรณ หรือกานต์  อายุ 46 ปี พร้อมด้วยสามี คือนายอนันต์  อายุ 43 ปี และ น้องแอร์พอร์ต ลูกสาววัย 5 ขวบเดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมจาก นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อให้ช่วยติดตามคดีหลังตนเองถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกลวงว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากร สามารถช่วยเหลือไม่ให้เสียภาษีย้อนหลังได้ ก่อนถูกแฮกข้อมูลสูญเงินในบัญชี 1,090,000 บาท จนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว

  คุณกานต์เล่าด้วยเสียงเศร้าว่า  ตนเองมาเป็นสาวโรงงานนานกว่า 20 ปี ตนและสามี ใช้จ่ายอย่างประหยัด เก็บหอมรอมริบจนซื้อบ้านทาวน์เฮ้าส์แห่งหนึ่งในย่านจังหวัดสมุทรปราการ เมื่อลาออกจากสาวโรงงานมา ก็มาเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวอยู่หน้าบ้าน แต่ขายได้ไม่ถึง 1 ปี มาเจอสถานการณ์โควิดทำให้ค้าขายขาดทุน เลยตัดสินใจขายบ้านที่มีอยู่ไปในราคา 1,500,000 บาท และย้ายครอบครัวกับภูมิลำเนาเดิมที่จังหวัดเชียงรายยึดอาชีพเกษตรกรปลูกพริกขาย ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ตามประสาคนบ้านนอก

   ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 65 เวลา 17.00 น. มีโทรศัพท์ปลายทางเป็นเสียงผู้ชาย อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากร พร้อมบอกตนเองว่าระหว่างเป็นแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว มีการใช้ App คนละครึ่งให้กับลูกค้า ทำให้ต้องเสียภาษีย้อนหลังเป็นจำนวนมากหากไม่อยากเสียภาษีเขาสามารถช่วยเหลือได้

จากนั้นเขาก็ทักไลน์มาพูดคุยและส่งลิงค์เป็น App ให้ตนกดเข้าไปดู พร้อมพูดคุยสอบถามให้คำปรึกษาถึงแนวทางที่ไม่ต้องเสียภาษีย้อนหลังตนเองซึ่งระวังตัวอยู่แล้วก็ไม่ได้ให้ข้อมูลทั้งเลขบัตรประชาชนและเลขบัญชีธนาคาร แต่อย่างใดจนกระทั่งชายดังกล่าววางสายไป ช่วงนั้นโทรศัพท์ของตน บรู้สึกว่ารวนทำธุรกรรมไม่ได้อยู่พักใหญ่ พอตนกดเช็กยอดบัญชีในโทรศัพท์พบว่าเงินสดถูกถอนออกไป 2 ครั้งครั้งแรก 1 ล้านบาทครั้งที่ 2  เป็นเงิน 90,000 บาทเหลืออยู่เพียง 700 บาทติดบัญชี ตอนนั้นตกใจมากเล่าให้สามีฟัง และเชื่อว่าน่าจะถูกมิจฉาชีพแฮกเงินในบัญชีออกไปแต่ก็ไม่เข้าใจจริงๆว่าเงินถูกแฮกออกไปได้อย่างไรทั้งๆที่ตนไม่ได้ให้หมายเลขบัตรประชาชนหรือเลขบัญชีไปเลย

ต่อมาตนจึงนำเอกสารหลักฐานทั้งหมดที่พูดคุยเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เทิงจังหวัดเชียงราย จากนั้นจึงรีบติดต่อธนาคาร เพื่ออธิบายและชี้แจงว่าตนถูกถอนเงินออกไปได้อย่างไรเพราะตอนที่ตนฝากเงินตนได้ทำข้อตกลงไว้ว่าสามารถเบิกถอนเงินในบัญชีได้ครั้งละเพียง 30,000 บาทต่อวันเท่านั้น แต่ทำไมคนร้ายหรือมิจฉาชีพถึงสามารถดูดเงินหรือถอนเงินจากบัญชีตนได้ครั้งละ 1 ล้าน และ 90,000 บาทในเวลาเพียงแค่ไม่ถึง 10 นาที แต่ได้รับการปฏิเสธความรับผิดชอบจากทางธนาคาร ออมสินส่วนคดีที่แจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวนผ่านมาแล้วกว่า 1 เดือนก็ไม่เคยได้รับการติดต่อหรือความคืบหน้าของคดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเลยจึงต้องมาร้องทุกข์กับทนายรณรงค์เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมและช่วยเหลือครอบครัวตนเองด้วย

  ขณะที่ทนายรณรงค์เองกล่าวว่า คดีนี้ผู้เสียหายทำการเปิดบัญชีกับธนาคารแห่งหนึ่งเอาไว้และมีการแจ้งกับธนาคารว่าให้ถอนเงินได้วันละไม่เกิน 30,000 บาทต่อวัน แต่ทำไมมิจฉาชีพถึงสามารถโอนเงินถอนเงินได้เป็นล้าน เรื่องนี้ธนาคารไม่รับผิดชอบ ในมุมของกฎหมายนะครับอันนี้การถอนเงินเจ้าของบัญชีไม่ได้ถอนเองเป็นมิจฉาชีพสวมรอยการเบิกเงินธนาคาร ตนมองว่าตามสัญญาการฝากทรัพย์นั้นธนาคารเป็นผู้ได้รับความเสียหาย ธนาคารต้องไปแจ้งความเองและธนาคารต้องคืนเงินให้ลูกค้านี่คือในทางกฎหมาย แต่ว่าธนาคารไม่คืนอยู่แล้ว ขั้นตอนต่อจากนี้จะให้เขาไปยื่นเรื่องและไปร้องที่สำนักงานคณะ กรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)เพื่อให้ สคบ. ฟ้องธนาคาแทนเอกชน  อย่างพวกเราคือการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด อีกมุมหนึ่งอยากจะฝากเตือนพี่น้องประชาชนว่าถ้าเห็นลิงค์อะไรแปลกๆอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ บอกเลยว่าทางโทรศัพท์ไม่คุย มาเจอมาคุยกันต่อหน้าเท่านั้น ไม่รู้ว่าจะ ป้องกันยังไงเอาเป็นว่าเจอหน้ากันแล้วพูดคุยดีที่สุด




คุณอาจสนใจ