สังคม

ผบ.ตร.ขอตรวจสอบข้อเท็จจริง คฝ.ปะทะม็อบ-สื่อ รับพอใจภาพรวมรักษาความปลอดภัยผู้นำเอเปค

โดย petchpawee_k

19 พ.ย. 2565

34 views

ผบ.ตร.ตรวจศูนย์สื่อเอเปค พอใจภาพรวมการรักษาความปลอดภัยผู้นำ-ความสงบ เผยการข่าวป่วนเพิ่ม ขอไปตรวจสอบก่อนเหตุฝั่งผู้ชุมนุมถูกยิงเบ้าตา บอกสื่อต้องช่วยตัวเองชี้ชอบไปอยู่แนวหน้า ไม่รู้มีประเทศไหนเป็นแบบนี้ เผยกลุ่มผู้ชุมนุมที่ถูกจับประกันไปเกือบหมดเหลือ 2 แกนนำ เผยเจ้าหน้าที่เจ็บ 15 นาย สาหัส 1


วานนี้ (18 พ.ย.) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจร การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 หรือ กอร.แถลง สรุปสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มราษฎรหยุด APEC 2022 จนมีการสลายชุมนุมว่า เบื้องต้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้ฝ่าฝืนข้อกำหนดและเงื่อนไขในการชุมนุม เรื่องการห้ามเคลื่อนขบวน และตำรวจได้แจ้งเตือนเป็นระยะแล้ว แต่ผู้ชุมนุมก็ฝ่าฝืน ขว้างปาสิ่งของ ทำลายรถกระบะของตำรวจเสียหาย และต่อสู้ขัดขวางทำร้ายเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้กำลังเข้าจับกุมผู้กระทำความ


 จากนั้นผู้ชุมนุมก็ยังไม่หยุด มีการวางเพลิงบนรถตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่มีความเป็นต้องใช้อุปกรณ์ต่างๆ ตามยุทธวิธี ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์เฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมผู้กระทำผิดได้ 25 ราย จากที่มีผู้มาร่วมชุมนุมกว่า 300 คน


สำหรับกรณีสื่อมวลชนได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทั้งที่สวมปลอกแขนสัญลักษณ์ว่าตำรวจมีแผนการดูแลความปลอดภัยของสื่อมวลชน คือต้องมีการลงทะเบียนสื่อ ต้องสวมปลอกแขนและกำหนดพื้นที่ปลอดภัยของสื่อมวลชนไว้แล้ว แต่จากภาพที่ปรากฎออกมาว่าเจ้าหน้าที่อาจปฏิบัติหน้าที่เกินกว่าเหตุนั้น ทั้งประเด็นการขว้างปาแก้ว จนสื่อมวลชนโดนลูกหลง การทำร้ายสื่อมวลชน การใช้กระสุนยางยิงใส่ผู้ชุมนุม ตลอดจนการใช้ระเบิดควัน ซึ่งไม่อยู่ในอุปกรณ์ยุทธวิธี ก็จะมีการตรวจเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยยังไม่สามารถด่วนสรุปได้ เนื่องจากเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้น แต่ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมและชี้แจงให้กับประชาชนทราบโดยเร็วเพื่อคลายข้อสงสัย


โดยเจ้าหน้าที่ที่เข้าควบคุมผู้ชุมนุม เน้นการเจรจา หลีกเลี่ยงการใช้กำลัง แต่หากเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องป้องกันตนเอง หรือจับกุมผู้กระทำความผิดร้ายแรง ก็ให้ดำเนินการตามความเหมาะสม ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ได้สกัดกั้นผู้ชุมนุมทั้งที่อยู่ห่างจากสถานที่จัดการประชุมกว่า 8 กิโลเมตรนั้นเป็นการสกัดเร็วเกินไปหรือไม่นั้น เห็นว่าการเคลื่อนขบวนหรือออกจากลานคนเมืองก็ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดแล้ว สำหรับสถานการณ์ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้วโดยพบว่ากลุ่มได้ถอยร่นและกลับเข้าไปในปักหลักอยู่ที่ลานคนเมืองแล้ว


ด้าน  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เช้าวันนี้ ( 19 พ.ย.65 ) ลงพื้นที่ตรวจศูนย์สื่อมวลชน ภายในสถานที่จัดประชุมเอเปค ที่ศูนย์สิริกิติ์ พร้อมกล่าวถึงการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่การจัดงานเอเปค คาดว่าช่วงเที่ยงวันนี้จะเสร็จสิ้นภารกิจการประชุมของผู้นำ ณ.ขณะนี้ทุกอย่างยังถือว่าอยู่ในความเรียบร้อย


ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมวานนี้ ผบ.ตร. ระบุว่า ขั้นตอนการดำเนินการเป็นไปตามที่โฆษกฯตร.ได้ให้ข่าวไปแล้ว ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ประกาศทุกขั้นตอน ว่าการชุมนุมเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่สามารถชุมนุมได้ แต่การจะออกหรือเคลื่อนที่นอกพื้นที่ชุมนุมนอกพื้นที่ชุมนุมต้องแจ้งการชุมนุม ซึ่ง บช.น.มีเงื่อนไขซึ่งเกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยและเกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ของประเทศในช่วงที่ผู้นำเดินทางมา จึงไม่อยากให้ออกเดิน แต่กลับมีความพยายามที่จะออกเดินและ เส้นทางที่ไปก็สุ่มเสี่ยงมุ่งตรงไปยังศูนย์สิริกิตติ์ตำรวจก็อาจมีการรั้งหน่วงในหลายจุดและเกิดเหตุการณ์ขึ้นมา ซึ่งเป็นไปตามที่โฆษกฯตร.ให้ข่าวไป และก็จะให้ บช.น.ตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกเรื่องต่อไป


ส่วนการข่าววันนี้พบว่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมอีกหรือไม่ ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มี ส่วนจะต้องมีการวางกำลังเพิ่มเติมหรือไม่ ตนมองว่าเป็นไปตามการข่าวและหน้างาน เพราะจริงๆตาม พ.ร.บ.ชุมนุม จะต้องมีการแจ้งก่อนการชุมนุม 24 ชั่วโมง หากกระทันหันก็เป็นอำนาจของผู้การในพื้นที่ ที่จะพิจารณาและดูเงื่อนไขต่างๆประกอบ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งการชุมนุมที่เกี่ยวข้องในการประชุมเอเปค ซึ่งขณะนี้ได้วางกำลังไว้ตามปกติ


ส่วนกรณีที่วานนี้ในเหตุรุนแรงมีผู้ได้รับบาดเจ็บที่เบ้าตานั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า ขอไปตรวจสอบรายละเอียดอีกที เพราะยังไม่ได้รับรายงานที่ชัดเจน ทั้งนี้ยังได้รับรายงานตำรวจบาดเจ็บ 15 นาย โดยมี 1 นายอาการสาหัสแอดมิดอยู่โรงพยาบาล ส่วนที่เหลือรับยากลับบ้านแล้ว ขณะที่ในส่วนผู้ชุมนุมมีบาดเจ็บอยู่บ้างแต่อย่างใดขอตรวจสอบอีกที


ส่วนกรณีที่สื่อบางสำนักออกแถลงการณ์ประณาม เหตุถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายสื่อมวลชนที่สวมปอกแขนนั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า เรื่องของสื่อมวลชนเราเคยมีการร้องต่อศาลแพ้ง โดยศาลได้ให้แนวทางจัดระเบียบกับสื่อมวลชน ซึ่งทุกอย่างต้องช่วยกันและต้องยอมรับว่าในช่วงหลังบางครั้ง อย่างที่แยกดินแดงสื่อมวลชนจะเยอะกว่ากลุ่มผู้ชุมนุมด้วยซ้ำ จึงทำให้การจัดระเบียบค่อนข้างยาก และสื่อมวลชนก็พยายามที่จะอยู่บริเวณด้านหน้าของม็อบ ซึ่งทำให้การทำงานเป็นไปได้ยากและก็ไม่มั่นใจว่าประเทศอื่นมีอย่างนี้ด้วยหรือไม่


พร้อมย้ำว่าหากมีการโต้ตอบของกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่สื่อมวลชนก็จะต้องช่วยตัวเองด้วยนะ ต้องระมัดระวังมันยากที่จะควบคุม พร้อมฝากให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วยเพราะเป็นสื่อมวลชนและยูทูปเบ้อก็เยอะ ซึ่งไม่ได้อยู่ในแนวและไม่ได้แจ้ง พอมีเหตุการณ์สำคัญก็อาจจะผิดพลาดได้บ้าง ก็ต้องเป็นไปตามหน้างานว่าใครเป็นใครมีความผิดหรือไม่ก็ต้องไปตรวจสอบ


ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพเจ้าหน้าที่ คฝ.ยั่วยุกลุ่มผู้ชุมนุมโดยทำหน้าทำตาล้อเลียนนั้น ผบ.ตร. ระบุว่า ตนยังไม่ได้เห็นภาพนั้น และหากเป็นจริงก็คงต้องกำชับการปฏิบัติในกรอบกฎหมายเป็นสัดส่วนและเป็นเหตุเป็นผล แต่ว่าบางทีหน้างานจริงอาจไม่ได้เป็นตามนั้น 100% ภาพทั้งหมดเราอาจจะไม่ได้เห็นในเหตุการณ์ก่อนหน้า ก็จะพยายามให้ บช.น.จัดทำไทม์ไลน์ขึ้นมาและตรวจสอบรายละเอียดอีกที


ส่วนกรณีผู้ชุมนุมที่ถูกคุมตัวอยู่ที่ สน.ทุ่งสองห้อง ผบ.ตร.เผยว่า ตนได้รับรายงานได้รับการประกันตัวไปเมื่อคืนเกือบทั้งหมด เหลือเพียงแกนนำบางส่วนเท่านั้น


ส่วนจะต้องมีมาตรการสแกนอาวุธก่อนเข้าพื้นที่ชุมนุมหรือไม่นั้น ผบ.ตร. ย้ำว่าเรามีมาตรการอยู่แล้ว แต่บางทีการชุมนมที่ติดต่อกันหลายวัน การสแกนอาจจะไม่ได้ 100% แต่ส่วนใหญ่จะมีจุดคัดกรองเท่าที่ทำได้เพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน ซึ่งเราก็เคยเจอหลายครั้ง เช่น หัวน๊อต


ส่วนได้ตรวจสอบกรณีที่ในโซเชียลมีการเผยว่าจะมีการใช้โดนเพื่อวางระเบิดที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผบ.ตร. ย้ำว่า เจ้าหน้าที่เตรียมการอยู่แล้ว ก่อนที่โซเชียล โดยร่วมมือระหว่างทหารกับตำรวจ ซึ่งเรามีความรับผิดชอบชัดเจน ทุกอย่างเป็นไปตามมาตรฐานการดูแลผู้นำ ทั้งเรื่องวัตถุระเบิดและเรื่องโดรน พร้อมให้ความมั่นใจว่าจะไม่ให้เกิดเหตุ นอกจากนี้ยังมีชุดสายตรวจเคลื่อนที่เร็ว


ส่วน 4 วันที่ผ่านมามีการประเมินการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างไร ผบ.ตร. กล่าวว่า ตนพอใจเพราะเป็นงานใหญ่ที่นานๆจะจัดทีหนึ่ง อะไรถ้าหากไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงก่อความไม่สงบเราก็ถือว่า สามารถผ่านไปลุล่วงด้วยดี ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในอนุกรรมการรักษาความปลอดภัยและการจราจร ซึ่ง ภาพรวมขนาดนี้ยังไม่มีความเสียหายอะไรต่อผู้นำ ส่วนจะให้มองว่าเราสามารถควบคุมทุกอย่างได้ดีหรือไม่ก็คงต้องให้คนอื่นประเมินด้วย

---------------------

กรณีที่เกิดเหตุรุนแรง มีผู้ชุมนุมได้รรับบาดเจ็บ ทราบชื่อต่อมา นายพายุ ดาวดิน อายุ 28 ปี ล่าสุด นายอานนท์ นำภา ได้ออกมาเผยถึงอาการของนายพายุ ผ่านเฟซบุ๊กที่รักษาตัวอยู่ที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ วานนี้ (18 พ.ย.) เมื่อเวลา 20.28 น. ว่า ในส่วนของหมอผ่าตัดดวงตาแจ้งว่าลูกตาทั้ง ลูกแตกละเอียด วุ้นตา เลนส์ตา จอตาเสียหายทั้งหมด การรักษาตอนนี้หมอทำการผ่าตัดเย็บดวงตา ให้เป็นลูกตากลมเหมือนเดิมแต่โอกาสกลับมาใช้งานได้ปกติกว่า 1% ตอนนี้ ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อ ต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อ 2-3 วัน หากมีอาการติดเชื้อต้องกลับมาพิจารณาการควักลูกตาออก เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจจะลามไปยังสมอง


ส่วนหมอศัลยกรรม แจ้งว่า แผลภายนอกคือกล้ามเนื้อหนังตาขาด เสียหายมาก มีผลต่อการลืมตา กระดูกจมูกแตก ตอนนี้หมอศัลยกรรม กำลังผ่าตัดตกแต่งหนังตาที่ฉีกขาดและกระดูกจมูกแตก

คุณอาจสนใจ