เปิดใจอดีตภรรยารปภ. เผยสามีกินแต่เหล้า ชี้เรื่องทำการบ้านไม่ใช่ปัญหาครอยครัว

จากกรณีเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 65 ผู้สื่อข่าวพบชายวัยกลางคนกำลังนอนหลับอยู่บริเวณชั้นล่างของสถานีตำรวจภูธรรัตนาธิเบศร์ ท่ามกลางสายตาประชาชนที่มาติดต่อราชการ ต่างมองดูกันด้วยความสงสัย ผู้สื่อข่าวจึงเข้าไปสอบถามความเป็นมา ทราบชื่อชายคนดังกล่าวคือนายต้อม อายุ 46 ปี


โดยนายต้อม เล่าเรื่องราวสุดเศร้า ว่าตนเองนั้นมีอาชีพเป็นรปภ.อยู่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านบางบัวทอง ด้วยอาชีพและหน้าที่การงานของ รปภ. ทำให้ตนเองต้องกลับบ้านเดือนละ 1 ครั้ง หรือมากกว่านั้น จึงทำให้นางสำราญ อายุ 47 ปี ภรรยา ซึ่งอยู่กินกันมากว่า 17 ปีจนมีลูกชาย อายุ 16 ปี เพียงคนเดียว


นายต้อม กล่าวเพิ่มเติมด้วยความเสียใจว่า ตลอดเวลาที่อยู่กินกันนั้น ตนเองตั้งใจทำงาน เก็บหอมรอมริบจนสามารถซื้อรถยนต์เก๋งให้กับภรรยาสุดที่รักไว้ใช้ไปไหนมาไหนเพื่อความสะดวก แต่ลืมไปว่าสิ่งหนึ่งที่ขาดตกบกพร่องคือการไม่ได้ทำการบ้านในหน้าที่ของสามีที่ดี ที่ควรมีต่อภรรยา


สุดท้ายลงเอยตนเอง ถูกภรรยาไล่ให้ออกจากบ้าน จึงไม่รู้ว่าจะไปหาที่พักนอนได้ ที่ไหนแม้แต่ข้าวปลาอาหารตนเองก็ต้องไปขอข้าววัดกิน ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น


ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 31 ก.ค. 65 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น พบกับนางสาวสำราญ อายุ 47 ปี อดีตภรรยาของนายต้อม รปภ. ที่นอนโรงพัก สภ.รัตนาธิเบศร์ ซึ่งทันทีที่ทราบว่าเป็นผู้สื่อข่าวก็ได้เปิดบ้านต้อนรับและพูดคุยด้วยความเป็นกันเอง


นางสาวสำราญ เปิดอก พูดคุยว่าเรื่องที่นายต้อมอดีตสามีให้สัมภาษณ์นักข่าวนั้น ทำให้ตนได้รับความเสียหาย ตนอยากจะฟ้องร้องเขาเหลือเกิน แต่ด้วยสภาพที่เขาเป็นอย่างนี้ คงไม่คิดที่จะไปเอาเรื่องเอาราว เห็นสภาพเขาทุกวันนี้ก็ยังอดสงสารไม่ได้ เอาแต่กินเหล้า งานการไม่ยอมทำ ยอมรับอดีตสามีเป็นรปภ.มาแล้วหลายหมู่บ้าน แต่ด้วยที่เป็นคนติดเหล้าทำให้ถูกไล่ออกจากงาน


ปัจจุบันตนเองก็มีสามีใหม่แล้ว เขาเป็นคนดีเราสองคนก็มีลูกด้วยกัน 1 คน เมื่อเกิดเรื่องราวขึ้นตนรู้สึกโกรธเขามาก แต่ก็ต้องทำใจ เพราะสภาพเขาเป็นแบบนี้


ส่วนประเด็นสำคัญที่เขาให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ค่อยได้ทำการบ้านนั้น ตนขอยืนยันเลยว่าไม่เกี่ยวข้องกันอย่างสิ้นเชิงตลอดเวลาที่แต่งงานอยู่กินกัน เขาเองไม่เคยทำหน้าที่สามีที่ดีเลย ไม่ใช่เรื่องอย่างว่าอย่างแน่นอน บ้านหลังนี้ตนก็เป็นคนผ่อน ส่วนรถเก๋งเขาเป็นคนซื้อจริง และตนก็ได้ขายไปจริงเพื่อเอาเงินมาลงทุน


เมื่อเกิดเรื่องขึ้นแบบนี้ ตนเองก็เตรียมจะขยับขยายย้ายที่อยู่ไปอยู่ที่อื่นดีกว่า จะได้ไม่ต้องเจอกับอดีตสามีที่ให้ร้ายตนอีก เรื่องที่เกิดขึ้นอยากชี้แจงเปิดใจให้สังคมเข้าใจ ความจริงที่ถูกต้องว่าไม่ได้เป็นอย่างที่นายต้อมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเลย จึงอยากขอความเห็นใจให้เข้าใจตนและครอบครัวด้วย ตนเป็นคนจริงพูดจริงทำจริงเปิดเผย ไม่เคยปิดบังอยู่แล้วอะไรที่เป็นเรื่องจริงควรมาพูดกันดีกว่า ไม่ใช่มาพูดแบบนี้ ซึ่งมันเป็นคนละเรื่องกันเลย