สังคม

หมอหมูยืนยันไม่เคยพูดคุยกับตำรวจ แสดงความเห็นตามหลักวิชาการเท่านั้น

โดย onjira_n

9 มิ.ย. 2565

421 views

รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี หรือ หมอหมู แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เปิดใจถึงกรณีที่นายอัจฉริยะ เรื่องรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าร้องเรียนแพทยสภา ให้ตรวจสอบจริยธรรมแพทย์ที่ชื่อว่า หมอสุกร โดยระบุว่าเป็นแพทย์ที่มักออกมาให้ความเห็นที่แก้ต่างให้กับตำรวจ และเป็นกุนซือของตำรวจ



รศ.นพ.วีระศักดิ์ กล่าวว่า ตอนที่ทราบข่าว ตนก็ยังไม่ทราบว่า หมอสุกร จะหมายถึงตนหรือไม่ แต่ถ้าใช่ ยอมรับว่ารู้สึกไม่สบายใจ ซึ่งที่ผ่านมาการที่ตนออกมาให้ความรู้เชิงวิชาการผ่านทางสื่อ ก็เป็นการให้ความรู้อย่างเป็นกลาง อิสระ พยายามที่จะเปิดมุมมองหลายๆ ด้านให้กับสังคม แต่ความเห็นของตนอาจจะทำให้มีความรู้สึกว่าไม่ได้ไปเข้าข้างกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จึงทำให้มีฝ่ายที่รู้สึกได้ว่าตนแก้ต่างให้กับคนบางกลุ่ม



ยอมรับว่าตนเองไม่ได้เก่งขนาดที่จะรู้ทุกเรื่อง ครอบคลุมทุกอย่าง แต่สิ่งที่พยายามพูด ก็ได้หาข้อมูลและใช้ประสบการณ์มาวิเคราะห์อย่างละเอียดรอบคอบโดยที่ไม่ชี้นำสังคม เพียงแค่เปิดความคิดให้สังคมได้ฟังแล้ว เอาไปตัดสินใจ



ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตนเองไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับนายอัจฉริยะ และยังชื่นชมการทำงานของชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมมาตลอด ดังนั้น ในฐานะน้องคนหนึ่ง หากตนมีข้อผิดพลาดที่ทำให้เข้าใจผิดก็ขอเรียนว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น สิ่งที่ทำเป็นเพียงการเปิดมุมมองด้านวิชาการ ไม่ได้ยึดเกี่ยวกับทางคดีความ แต่หากนายอัจฉริยะจะไปยื่นให้มีการตรวจสอบตน ก็เป็นสิทธิของนายอัจฉริยะ โดยตนพร้อมและยินดีที่จะเข้ารับการตรวจสอบตามขั้นตอน



โดยตนขอยืนยันว่ากรณีที่บอกว่า หมอสุกรเป็นกุนซือให้กับตำรวจนั้น สำหรับตนไม่เป็นความจริง โดยส่วนตัวไม่เคยมีสักครั้งเดียวที่มีการติดต่อพูดคุยกับทางตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีการเสียชีวิตของแตงโม ไม่ว่าจะเป็นทางตำรวจภาค 1 ก็ไม่เคยมีการโทรศัพท์หากัน หรือแม้แต่ตำรวจจะโทรมาขอความเห็นหรือขอให้หยุดพูดก็ไม่มี ส่วนกับกลุ่มแพทย์นิติเวชที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ตนก็ไม่เคยโทรไปพูดคุยเพื่อขอข้อมูลในคดีมาวิเคราะห์ การให้ความเห็นออกสื่อที่ผ่านมา มักจะเป็นการตั้งประเด็นมาจากสื่อมวลชนที่ได้ข้อมูลมา ตนก็ให้ความเห็นไปตามที่ถูกถาม โดยที่ไม่มีข้อมูลเชิงลึกอะไรเกี่ยวกับคดีทั้งสิ้น



รศ.นพ.วีระศักดิ์ ยอมรับว่า จากเรื่องนี้ทำให้ตนรู้สึกเสียกำลังใจไปบ้าง เนื่องจากที่ผ่านมาต้องการเพียงแค่จะให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม แต่กลับต้องโดนร้องเรียน ตอนแรกที่ทราบเรื่องก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ได้รับกำลังใจจากหลายคน และหากผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการก็จะสามารถยืนยันการทำงานของตนได้



ส่วนกับนายอัจฉริยะ ยังไม่เคยคุยกันเป็นการส่วนตัว มีเพียงแต่ตอนที่ไปออกรายการพร้อมกันเท่านั้น ซึ่งก็ได้พูดคุยให้กำลังใจ ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่า หลักฐานของนายอัจฉริยะเรื่องบาดแผลนั้น จริงๆ แล้ว บาดแผล ไม่สามารถที่จะบอกรายละเอียดของเหตุการณ์ครบทุกอย่างได้ ต้องใช้ศาสตร์อื่นประกอบด้วย เช่น บาดแผลใบพัดเรือหลักนิติเวชศาสตร์สามารถบอกเกี่ยวกับการเกิดบาดแผลได้ แต่ก็ไม่สามารถบอกจุดตกเรือได้ ต้องใช้องค์ประกอบหลายอย่าง ซึ่งที่ผ่านมาที่นายอัจฉริยะได้มีการหาข้อมูลต่างๆ เพื่อยืนยันสิ่งที่ตั้งสมมุติฐาน ก็เป็นเรื่องที่ดี ส่วนตนเองก็พูดเท่าที่ทราบในหลักการเท่านั้น



อย่างไรก็ตาม หากแพทย์ที่นายอัจฉริยะไปร้องเรียนเป็นตนจริงๆ ก็ไม่ได้ติดใจจะเอาความกลับ เพราะตนก็ยังให้กำลังใจนายอัจฉริยะในการค้นหาความจริง โดยมองว่า การโต้แย้งความเห็นทางวิชาการ สามารถพูดคุยกันได้ เช่น เรื่องการทำร้ายร่างกาย ตนไม่ได้บอกว่าไม่ใช่ แต่แค่เปิดมุมมองว่า บาดแผลที่ปรากฎมันจะไปเข้าข่ายอะไรได้อย่างไรบ้าง อาจจะเป็นกระบวนการเน่าก็เป็นไปได้ ซึ่งไม่ได้ฟันธง




คุณอาจสนใจ

Related News