สังคม

เร่งล่าชายหนุ่ม หวังขืนใจครูสาวท้องอ่อน หลังเพื่อนเหยื่อมาพบ ก่อนจะหลบหนีไป

โดย sitanan_k

22 ก.พ. 2565

697 views

จากกรณีดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ ทราบว่าผู้เสียหาย เป็นครูอยู่โรงเรียนวัดน้ำลอด ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนไกลความเจริญ เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก เปิดเรียนในระดับชั้น อนุบาล 1-3 และชั้นประถมศึกษาที่ 1-6 มีนักเรียนทั้งหมด 54 คน มีคุณครู 4 คน ธุรการ 1 คน ลักษณะอาคารเรียนเป็นอาคารเรียนชั้นเดียว หากจากถนนสายหลักประมาณ 10 กว่ากิโล






พบผู้เสียหายทราบชื่อภายหลังคือ นางสาวสุนิสา (ครูโบว์ ) อายุ 27 ปี เป็นครูโรงเรียนวัดน้ำลอด เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในวันที่เกิดเหตุเวลาประมาณ 09.00 น. ตนเองได้มาโรงเรียนตั้งแต่เช้า เพื่อมาปริ้นต์ใบงานให้กับเด็กนักเรียน ในระหว่างที่ตนเองนั่งพิมพ์งานอยู่ก็ได้ยินเสียงรถมาจอด ก็คิดว่าเป็นรถของครูท่านอื่นที่กลับจากไปทานข้าว ตนเองก็ไม่ได้คิดอะไร หลังจากนั้นก็ได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินมายืนที่หน้าห้องที่ตนเองกำลังทำงาน และได้ขอเข้าห้องน้ำ และสอบถามว่าห้องน้ำอยู่ทางไหนตนเองก็ไม่ได้เดินออกไปเพียงแค่ชี้ทางและบอกว่าให้เดินไปทางไหน



หลังจากนั้นตนเองรู้สึกไม่ไว้ใจผู้ชายคนดังกล่าวจึงได้พิมพ์ไลน์ไปยังคุณครูผู้ชายที่ออกไปทานข้าวบริเวณหน้าโรงเรียนว่าให้รีบกลับมา หลังจากนั้นเวลาผ่านไปเวลาประมาณ 20 ที ผู้ชายคนดังกล่าวที่ขอเข้าห้องน้ำได้เดินออกมาและสอบถามว่ามีแอปธนาคารหรือเปล่า ตนเองก็ได้แจ้งว่าไม่มี และผู้ชายคนดังกล่าวก็ได้เดินเข้ามาหาตนเองบริเวณจุดที่ตนเองนั่งทำงาน และได้พยายามพูดคุย



ในระหว่างนั้นตนเองก็ได้พิมพ์ไลน์ไปยังครูผู้ชายอีกว่าให้รีบกลับมา แต่คำที่พิมพ์ไปนั้นก็พิมพ์ผิดพิมพ์ถูกด้วยความกลัว หลังจากนั้นผู้ชายคนดังกล่าวก็ได้ขอให้ตนเองช่วยโอนเงินให้หน่อยโดยยื่นโทรศัพท์ให้โดยบอกว่าทำไม่เป็น ตนเองก็รับโทรศัพท์มาและบอกว่าโทรศัพท์มันล็อคช่วยใส่รหัสให้หน่อย หลังจากที่ผู้ชายคนดังกล่าวใส่รหัสแล้วเมื่อเปิดมาก็เจอเป็นคลิปโป๊ ตนเองก็ได้โยนโทรศัพท์ลง ผู้ชายคนดังกล่าวก็ได้เข้ามากอดตนเองและพยายามที่จะขมขื่น ลวนลามตนเอง โดยตนเองก็ได้ตะโกนให้คนช่วยพร้อมกับบอกว่าอย่าทำ ตนเองมีลูกมีสามีแล้ว และพยายามดิ้นออกมา และพยายามเดินถอยออกมาจากในห้องนั้น จากนั้นก็ได้เห็นว่ามีรถครูผู้ชาย และรถของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านกำลังขับเข้ามาพอดี ตนเองก็ได้รีบตะโกนให้ช่วย



ครูโบว์เล่าว่าตนเองได้พยายามวิ่งหนีไม่คิดชีวิต ซึ่งตนเองก็กำลังตั้งครรภ์ 5 เดือน ในวันที่เกิดเหตุนั้น ตนเองไม่ได้แต่งตัวล่อแหลม แต่งตัวด้วยกางเกงวอม เสื้อโปโลของโรงเรียน ซึ่งก็ไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นที่โรงเรียน หรือในหมู่บ้านของตนเอง แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ตนเองยังโชคดีที่ตนเองตั้งสติ และรีบบอกให้คนอื่นให้มาช่วยได้ทัน จากเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น ตนเองยังหวาดกลัวไม่กล้านอนคนเดียว ไม่กล้าอยู่คนเดียว และคิดว่าถ้าไม่มีใครมาช่วยจะเกิดอะไรขึ้น







ด้านนายสำรวย รวดเร็ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 12 เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองได้รับแจ้งจากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านว่า มีเหตุคนร้ายพยายามที่จะเข้าไปขมขืนครูที่โรงเรียนบ้านน้ำลอด และได้ขับรถหลบหนีออกไปทางปากน้ำหลังสวน ตนเองจึงได้มาที่เกิดเหตุและได้ประสานไปยังตำรวจในท้องที่ให้ช่วยสกัดจับคนร้ายที่กำลังพยามยามหลบหนี แต่ไม่สามารถจับได้เ โดยหลังจากนั้นประมาณ 3-4 ชั่วโมงได้รับแจ้งว่าได้นำรถไปจอดทิ้งไว้ พร้อมกับถอดป้ายทะเบียน และเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดที่ก่อเหตุและหลบหนี



ซึ่งจากการสอบถามและพยายามหาตัวผู้ก่อเหตุนั้น พบว่าไม่ใช่คนในพื้นที่ แต่เป็นคนที่มาจากที่อื่น และก่อนหน้านี้ประมาณ 2-3 วันได้พยายามก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้มาแล้ว โดยไปเคาะประตูบ้านคนอื่นและหวังจะขมขื่นเช่นเดียวกัน นายสำรวย รวดเร็ว ผู้ใหญ่บ้านกล่าวต่อว่าคนร้ายคงเสพยาจนเสียสติจนทำก่อเหตุแบบนี้ ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น ทางผู้นำหมู่บ้านร่วมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้พยายามช่วยกันสอดส่องดูแลเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เพราะที่ผ่านมาจากการสอบถามคนเก่าคนแก่ในหมู่บ้านไม่เคยเกิดเหตุเช่นนี้ จึงอยากฝากไปถึงทุกๆฝ่ายให้ช่วยกันเป็นหูในเรื่องของยาเสพติด เพราะสาเหตุที่ทำให้คนร้ายก่อเหตุเช่นนี้นั้น ก็มาจากยาเสพติด





นอกจากนี้ยังได้รับแจ้งจากเครือข่ายผู้นำหมู่บ้านในอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฯ ว่าบุคคลดังกล่าวก่อนหน้าได้ขัยรถคันที่มาก่อเหตุเฉี่ยวชนกับรถชาวบ้าน และได้หลบหนีคู่กรณีซึ่งตกลงว่าจะยอมจ่ายค่าเสียหายเป็นเงิน 30,000 บาท และก่อนหน้ามาก่อเหตุที่นี่เพียง 3 วันได้บุกไปที่บ้านหญิงสาวรายหนึ่งในอำเภอไชยา โดยไปเคาะและจะงัดประตูเพื่อจะเข้าไป เชื่อว่าหมายจะไปขมขื่นหญิงสาวภายในห้องแต่ไม่สำเร็จ จนมาก่อเหตุดังกล่าวในจังหวัดชุมพร





ด้านนายสมพงษ์ เกตุหนองพ้อ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5  ได้เล่าถึงเหตุการณ์วันเกิดเหตุให้ฟังว่า ตนเองจะขับรถกลับบ้านโดยในทุกๆวันตนเองได้ขับรถผ่านเส้นทางหน้าโรงเรียนเกือบทุกวัน แต่ในวันที่เกิดเหตุก็ไม่รู้ว่าอะไรที่ดลจิตดลใจให้ตนเองขับรถเข้ามาทางโรงเรียนซึ่งเป็นถนนซอย เป็นเส้นทางลัดที่จะกลับบ้านได้ เมื่อมาถึงบริเวณโรงเรียน ก็เห็นว่าครูผู้ชายกำลังวิ่งลงจากรถ และมีเสียงดังโวยวาย และเห็นครูโบว์กำลังวิ่งออกมา ตนเองก็นึกว่างูเข้ามาในห้องเรียน เพราะบริเวณนั้นเป็นป่า ตนเองจึงได้รีบลงไป และเมื่อลงไปก็ได้ยินครูโบว์ตะโกนช่วยด้วย และครูผู้ชายก็ได้ตะโกนให้ช่วยจับคนร้าย เมื่อตนเองได้ยินเช่นนั้นก็บอกให้ครูรีบอัดคลิปวีดีโอเพื่อเก็บเป็นหลักฐาน หลังจากนั้นคนร้ายก็พยายามที่จะขับรถออกจากสนามหน้าโรงเรียน ตนเองรีบออกไปบริเวณทางออกและจอดรถขวางทางเพื่อบังคับให้คนร้ายขับรถไปทางพื้นที่ปากน้ำหลังสวน เพื่อจะได้ง่ายต่อการติดตามจับตัว



ซึ่งเมื่อคนร้ายพยายามขับรถมาบริเวณทางออกนั้นก็ไม่สามารถออกได้เพราะยางรถตั้งไว้จึงได้กลับรถและขับไปออกยังทางเข้า และมุ่งหน้าไปยังปากน้ำหลังสวนตามที่ตนเองวางไว้ เมื่อคนร้ายขับรถออกไปตนเองก็ได้ขับรถตามไป เป็นระยะเวลาประมาณ 10 กิโลเมตร แต่ในระว่างที่ตนเองจอดรถเพื่อประสานกับตำรวจเป็นระยะเวลาประมาณ 2 นาที รถผู้ก่อเหตุได้คลาดสายตาไป เพราะถนนบริเวณนั้นมีซอกซอยเป็นจำนวนมาก จากเหตุการณ์ดังกล่าวอยากจะบอกว่าหากเจอเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวให้ตั้งสติ และการไปขวางคนร้ายก็ต้องระวังเพราะไม่รู้ว่าคนร้ายมีอาวุธหรือเปล่า ถ้าตกใจจนตั้งสติไม่ได้นั้น จะทำให้คนร้ายหลบหนีได้โดยที่เราไม่สามารถรู้เบาะแสคนร้ายว่าคนร้ายหลบหนีไปทางไหน



ด้านนายสุกิจ ศรีซ้อน อายุ 49 ปี  เป็นพ่อของครูโบว์ ผู้เสียหาย เปิดเผยถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า ตนเองมีความกังวลเป็นอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะหากเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีใครเข้ามาช่วยจะเกิดอะไรขึ้น จึงอยากให้ทางโรงเรียนมีมาตราการเรื่องความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น อย่าปล่อยให้ครูอยู่โรงเรียนเพียงลำพัก สำหรับในเรื่องคดีตนเองไม่ได้กังวลมาก เพราะตำรวจก็กำลังทำงานอย่างเต็มที และคาดว่าคงสามารถจับคนร้ายได้อย่างแน่นอนเพราะขณะนี้ทราบตัวอย่างชัดเจน ครูโบว์ซึ่งเป็นลูกสาวตนเองได้จำหน้าคนร้ายได้อย่างชัดเจน



ด้านนายมนู สวนจันทร์ ผอ.โรงเรียนบ้านบางหยี รักษาการในตำแหน่ง ผอ.โรงเรียนวัดน้ำลอด เปิดเผยว่าในวันเกิดเหตุตนเองได้รับแจ้งจากครูที่โรงเรียนวัดน้ำลอดว่าได้มีเหตุชายแปลกหน้าเข้ามาขอเข้าห้องน้ำและพยายามที่จะขมขื่นครูในโรงเรียน ตนเองจึงได้รีบมาที่โรงเรียนวัดน้ำลอด โดยโรงเรียนทั้ง 2 โรงเรียนนั้นอยู่ห่างกันประมาณ 3 กิโลเมตร เมื่อเข้ามาถึงก็ได้รับทราบข้อมูลเหตุการณ์ทั้งหมด จึงได้พาครูโบว์ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ไปแจ้งความที่โรงพัก จากเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้น ทางผอ.แจ้งว่าต่อจากนี้จะเพิ่มมาตรการเรื่องความปลอดภัยโดยการติดกล้องวงจรปิด และในส่วนของครูที่อยู่ที่โรงเรียนนั้น ในทุกๆวันครูก็จะต้องอยู่ในโรงเรียนทุกคนอยู่แล้ว ไม่ได้ปล่อยให้ครูต้องอยู่ในโรงเรียนเพียงลำพัง เพียงแต่ในช่วงที่เกิดเหตุเป็นช่วงที่ครูออกไปทานข้าวหน้าโรงเรียน คนร้ายได้ใช้ช่วงที่เห็นว่าไม่มีครูท่านอื่นอยู่ในโรงเรียนก่อเหตุ



ด้าน พ.ต.ท.สุชาติ สิงหา รอง ผกก.สภ.ปากน้ำหลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งเหตุ ตนเองพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ได้รุดไปตรวจสอบ และได้สอบถามคุณครูผู้เสียหาย พร้อมทั้งได้รับคลิปที่บันทึกขณะคนก่อเหตุได้พยายามขับรถยนต์กระบะตอนครึ่ง ยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ ผค 5220 สุราษฎร์ธานี และเส้นทางที่หลบหนี จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุก สภ.ใน จ.ชุมพร และประสาน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งตามทะเบียนรถ แต่ก็ไม่สามารถติดตามสกัดได้จับได้



พ.ต.ท.สุชาติ กล่าวต่อว่า ในขณะเดียวกันได้ตรวจสอบรถคันดังกล่าวที่เข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ จนทราบว่า เป็นของไฟแนนซ์บริษัทหนึ่ง โดยมีนายสิทธิพงษ์ คงนคร มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นผู้เช่าซื้อ ซึ่งเมื่อได้รายเอียดข้อมูลแล้ว ในเบื้องต้น ประกอบกับได้รับแจ้งจากชุดสืบของ สภ.หลังสวน ว่าได้พบคันดังกล่าวจอดทิ้งไว้ในสวนปาล์ม พื้นที่ ม.15 ต.นาพญา อ.หลังสวน จ.ชุมพร ซึ่งห่างจากที่ก่อเหตุกว่า 20 กม.จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ ซึ่งก็พบรถติดหล่มล้อจมมิด ป้ายทะเบียนหน้าและหลังถูกถอดออกไป ส่วนภายในรถไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด พบเพียงบัตร ปชช.ระบุชื่อคือนายสิทธิพงษ์ คงนคร อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 106 หมู่ที่ 5 ตงพุ่มเรียง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งก็ตรงกับที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบชื่อเจ้าของรถ จึงได้เดินทางไปยังบ้านตามบัตร ปชช.นายสิทธิพงษ์



พ.ต.ท.สุชาติ กล่าวต่ออีกว่า เมื่อไปพบว่าบ้านหลังดังกล่าว ไม่มีแล้ว ถูกรื้อทิ้งไปหลายปี จึงได้สอบถามบ้านข้างเคียง ซึ่งเป็นญาติ จนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ มีอาชีพทำประมงพื้นบ้าน ใน อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี และเพิ่งเข้ามาในพื้นที่ จ.ชุมพร เมื่อต้นเดือนมกราคม 65 ที่ผ่านมา โดยมารับจ้างทำประมงอยู่ใน ต.ปากน้ำตะโก อ.ทุ่งตะโก ซึ่งต่อเขตกับ ต.ปากน้ำหลังสวน อ.หลังสวน โดยนายสิทธิพงษ์ ยังมีภรรยาและมีบุตรด้วย อาศัยอยู่ที่ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางมายัง ปากน้ำตะโก เพื่อติดตามตัว



ซึ่งก็ทราบว่าได้มาอาศัยอยู่กับบ้านในพื้นที่และได้มารับจ้างอยู่กับเจ้าของแพ ทำประมง แต่ไม่พบตัวนายสิทธิพงษ์ โดยทางเจ้าของแพ พร้อมห้ำการช่วยเหลือ หากพบตัวก็จะแจ้งหรืออาจะจะนำมามอบตัว ซึ่งก็อยู่ที่ว่าผู้ก่อเหตุ จะยอมหรือไม่ อย่างไร เจ้าหน้าที่จึงได้จัดกำลังวางสายคอยเฝ้าติดตามจับกุม พร้อมประสานทาง สภ.ไชยา หากพบตัวให้แจ้ง และเชื่อว่าบุคคลดังกล่าว ยังกลบดานอยู่ในพื้นที่ เพราะดูจากเหตุการณ์แล้ว ไม่ชินเส้นทาง และรู้จักคนในพื้นที่ไม่มาก ส่วนการเหตุการณ์นั้น จะเกี่ยวโยงจากยาเสพติดตามที่ได้ข้อมูลจากหลายๆพยานแวดล้อมหรือไม่ ก็ต้องรอหลังจากที่สามารถจับกุมนายสิทธิพงษ์ ก่อน

คุณอาจสนใจ

Related News