สังคม

เปิดคลิปเสียง ‘ตูน’ อดีตพริตตี้ เรียกเงิน 8 แสน หลังแจ้งความ ตร.วางยา-รุมโทรม แม่เผยลูกสาวป่วยซึมเศร้า

โดย thichaphat_d

31 ม.ค. 2565

438 views

จากกรณีที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์จับกุม น.ส.ณัฏฐ์ชญาภา หรือ ตูน อายุ 32 ปี อดีตพริตตี้สาว เปิดกลุ่มลับในไลน์เพื่อชมคลิปวิดีโอ รูปภาพโป๊เปลือย และไลฟ์สดโชว์สยิวการมีเพศสัมพันธ์ เก็บค่าหัวคนที่เข้ากลุ่ม


จากการสืบประวัติทางคดีพบว่า นางสาวตูน เคยถูกข่มขืนกระทำชำเรามาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกปี2552 ท้องที่ สน.อุดมสุข โดยตูนไปนอนกับนายแจ๊ค อ้างว่าถูกข่มขืนกระทำชำเรา แล้วแบล็คเมล์เรียกเงินชายคนนี้พร้อมทั้งแจ้งความ


ครั้งที่ 2 ปี 2555 นางสาวตูน แจ้งความถูกตำรวจยศ “สิบตำรวจเอก” พร้อมเพื่อนรวม 5 คน ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา ในท้องที่ สน.หัวหมาก โดยขณะนั้นออกหมายจับกุมได้ 2 คน (ตำรวจยศ ส.ต.อ. ศาลฎีกาตัสินจำคุก 10 ปี /และนายเบิ้ม ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 18 ปี อยู่ระหว่างยื่นอุทธรธ์ ) ส่วนอีก 3 คน ออกหมายจับตามภาพถ่าย แต่จับกุมไม่ได้


ครั้งที่ 3 ปี 2558 เป็นคดีดัง นางสาวตูน กล่าวอ้างว่าถูกนายวิริยะฯ โปรดิวเซอร์ลวงเธอและนักศึกษาสาวรวม 2 คนไปข่มขืนกระทำชำเราในโรงแรม เหตุเกิดในท้องที่ สน. บางนา หลังจากนั้นนางสาวตูน บอกนักศึกษาสาว ถ้าอยากได้เงินง่ายๆ 1 ล้านบาท ให้ไปแจ้งความ โดยนางสาวตูน เป็นคนจัดฉากเซ็ตเรื่องให้ทั้งหมด ต่อมานักศึกษาสาวถอนแจ้งความ ทนายความขอถอนตัว นางสาวตูนจึงเป็นโจทย์ฟ้องเอง และไม่ไปขึ้นศาลชั้นต้น ศาลจึงยกฟ้องนายวิริยะฯ  


ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของอดีตตำรวจยศ ‘สิบตำรวจเอก’ ซึ่งเป็นจุดที่กลุ่มเพื่อนตำรวจรวม 5  คน นั่งสังสรรค์กันบริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว ก่อนทั้ง 5 จะเวียนกันมีเพศสัมพันธ์กับนางสาวตูน ช่วงกลางคืนภายในห้องนอนของ ‘สิบตำรวจเอก’ ซึ่งอยู่ชั้นล่างของบ้าน โดยแม่ของ ‘สิบ ตำรวจเอก’ เผยว่า เพื่อนของลูกชายรวม 5 คน พากันมานั่งดื่มกินอยู่หน้าบ้าน จากนั้นนางสาวตูน ตามมาทีหลัง  นั่งคุยกันเฮฮาสนุกสนาน


ตนเองนอนอยู่ในห้องอีกห้องหนึ่งชั้นล่าง ไม่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ วันเกิดเหตุคนในครอบครัวอยู่กันหลายคน ไม่มีใครทราบเหตุการณ์ อีก 2 วันต่อมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถ่ายรูปหน้าบ้านถึงได้ทราบเรื่อง “มันเป็นไปไม่ได้จะมีการรุมโทรม ไม่เชื่อ”  ตนได้คุยกับลูกชายอดีตตำรวจยศ “สิบตำรวจเอก” และไปเยี่ยมในเรือนจำเหมือนตกนรก หน้าที่การงานดีๆ ต้องมาจบด้วยเรื่องแบบนี้


อยากให้พิสูจน์ความจริง ลูกชายยอมรับมีเพศสัมพันธ์กับนางสาวตูนจริง ยืนยันไม่ใช่การรุมโทรม แต่เป็นการสมยอม เชื่อว่านางสาวตูน ไปแจ้งความว่าถูกรุมโทรมต้องการเงินหรือไม่ ทราบว่ามีอีกหลายคนตกเป็นเหยื่อของนางสาวตูน แต่ไม่มีใครกล้าแจ้งความ บางรายโดนเรียกเงินหลักล้านบาท  เคสของลูกชายหากมีการเรียกเงินนิดๆ  หน่อยๆ ก็พอรับได้ แต่เรียกเงินลูกชายตนคนเดียว 1 ล้านบาท มันเกินไป เพราะลูกชายไม่ได้รุมโทรมตามที่นางสาวตูน กล่าวอ้าง


ทั้งนี้ “สิบตำรวจเอก” ได้ไกล่เกลี่ยจ่ายค่าเสียหายให้กับนางสาวตูน ซึ่งตูนบอกว่าหากจ่ายเงิน 8 แสนบาท จะถอนคดีให้ และไกล่เกลี่ยกันครั้งสุดท้าย ตูนเรียกเงิน 6 แสนบาท โดยจ่ายงวดแรก 250,000 บาท  และจ่ายเงินที่เหลืองวดต่อๆ ไป หากตูนให้การเป็นประโยชน์ แต่ตูนไม่ได้ให้การเป็นประโยชน์จึงจ่ายค่าเสียหายให้กับตูนเพียง 250,000 บาท เท่านั้น นางสาวตูนไม่ยอมความจึงถูกดำเนินคดี


นอกจากนี้มีหลักฐานเป็นคลิปเสียงที่ชายคนหนึ่งได้คุยกับนางสาวตูน สนทนากันเรื่องเงินค่าเสียหาย เพื่อจะไปเรียกเงินจาก ‘สิบตำรวจเอก’ มาให้ตูน ชายคนดังกล่าวพูดว่า "มันบอกว่าไม่มีเงินจะเรียกมันเท่าไหร่” นางสาวตูนบอก “หนูเรียก 8 (8 แสน) ไอ้พวกเหี้ยเนี้ยมันยิ่งกว่าโจร หนูไม่รู้จะสู้ยังไงกับพวกนี้ ลำบากมาก”  ชายคนดังกล่าวถามว่า “ถ้าเกิด 8 แสน จะจบใช่มั้ย”  ตูนตอบว่า “เรียกแพงกว่านี้ได้มั้ย ได้เงินเท่าไหร่ค่อยว่ากันอีกที”


ขณะที่แม่ของนายเบิ้ม หนึ่งในผู้ต้องหาคดีรุมโทรมนางสาวตูน เมื่อปี 2555 และเป็นแฟนกับนางสาวตูน ในขณะนั้น เผยว่า หลังเกิดเหตุตนไม่รู้เรื่องเลย มาทราบภายหลังตอนลูกชายคนเล็กโทรมาบอกว่าเบิ้มโดนจับ เบิ้มไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง จากนั้นตนรีบไปที่ สน.หัวหมาก เพื่อขอ ประกันตัว แต่ไม่สามรถประกันได้ กระทั่งขึ้นศาล โดยศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 18 ปี ตอนนี้อยู่ระหว่างอุทธรณ์ หากจะประกันตัวต้องมีหลักทรัพย์ 1.8 ล้านบาท  


มองว่าเหตุการณ์นี้เป็นการแบล็คเมล์ เพื่อเรียกเงินค่าเสียหาย ถ้าเป็นการรุมโทรมทำไมนางสาว ตูน ไม่ร้องให้คนช่วย ทั้งที่บ้านหลังเกิดเหตุมีคนอาศัยอยู่หลายคน อ้างว่าโดนวางยาเป็นไปไม่ได้เพราะเบิ้มไม่เคยมีเรื่องพวกนี้ มีแต่สนุกเฮฮา เตะฟุตบอล แล้วมาดื่มเหล้ากับเพื่อนๆ ไม่เคยมีเรื่องยาเสพติดเลย  ตนได้ไปเยี่ยมเบิ้มที่เรือนจำ เขาเล่าว่า ได้คบหาเป็นแฟนกับนางสาวตูน หลายเดือน แล้ว ตนจึงบอกไปว่า ตูนเป็นคนแบบนี้จะคบเป็นเมียเหรอ เบิ้มพูดว่าแค่คบสนุกสนาน ไปไหนก็ไปด้วย  


คืนเกิดเหตุนางสาวตูน โทรมาถามว่าอยู่ไหน เบิ้มบอกไปเตะฟุตบอลมาดื่มเหล้า อยู่บ้านเพื่อน นางสาวตูนบอกจะไปหา แต่เบิ้มบอกอย่ามาเลยดื่มเหล้ากันมีแต่ผู้ชาย จากนั้นนางสาวตูน ก็นั่ง จยย.รับจ้างมาที่บ้านหลังเกิดเหตุร่วมดื่มกินด้วยกัน โดยนางสาวตูน นั่งตักคน นั้นคนนี้ จากนั้นนางสาวตูน เดินไปเข้าห้องน้ำในห้องนอนของ ‘สิบตำรวจเอก’ และเดินตามกันไปมีเพศสัมพันธ์ทีละคน จนครบ 5 คน ไม่ได้รุมโทรมแต่เต็มใจ ขณะที่นางสาวตูนให้การว่าไม่ได้ขัดขืนเพราะโดนวางยา ตนไม่เชื่อว่าเบิ้มจะวางยา  นางสาวตูนใส่ความเพื่อเรียกเงิน


ผู้สื่อข่าวยังได้ไปคุยกับกับแม่ของนางสาวตูน อ้างว่าลูกสาวเป็นคนไข้จิตเวช  รักษาอาการที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งมีใบรับรอง บอกใครไม่มีใครเชื่อ ตูนป่วยซึมเศร้า มาตั้งแต่โดนรุมโทรมเมื่อปี 2555 จากนั้นก็รักษาอาการทางจิตเวชมาโดยตลอด เคยกรอกยาใส่ปากจะฆ่าตัวตาย ยืนยันลูกสาวไม่ได้เอาตัวเข้าแลกเพื่อตบทรัพย์  


หลังเกิดเหตุ “สิบตำรวจเอก” พยายามให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งติดต่อมาหาตนเพื่อให้แม่รับเงิน แต่ตูนไม่ให้แม่ทำจะให้ “สิบตำรวจเอก” ติดคุก ไม่งั้นผู้ชายคนนี้ก็จะไปทำกับคนอื่นอีก ทั้งที่ตูนไปกับแฟนก็ยังโดนกระทำ


“เรายังไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียว ไม่มีการเรียกรับเงินเพราะเราต้องการดำเนินคดี เรื่องทั้งหมดให้การในชั้นศาลแล้ว ตูนเล่าว่าไม่ได้ข่มขืนเพียงอย่างเดียว มีการเล่นอุปกรณ์ และวางยาเสียสาว จนตูนช็อก ตาเหลือกหัวใจเต้นเร็ว ตูนยืนยันโดนนรุมโทรม 5 คน ไม่ได้สมยอม หลังเกิดเหตุตูนเครียด เป็นคน 2 บุคลิก เวลาอ่อนแอจะร้องไห้ฟูมฟามเอาศีรษะโขกผนัง บางครั้งจินตนาการว่ามีเลือดออกปากออกจมูก ร้องเจ็บปวด อีกบุคลิกเป็นคนก้าวร้าวอารมณ์รุนแรง”    


แม่ของนางสาวตูน เผยต่อว่า ลูกสาวถูกข่มขืนกระทำชำเรา 3 ครั้ง ตนรับรู้เรื่องทั้งหมด ลูกสาวชอบงานถ่ายรูปชอบแสดงออก ร่าเริงผิดปกติเชื่อคนง่าย เขามั่นใจว่าสวย แต่เป็นอาการจิตเวชซึมเศร้า ขออย่าฟังความข้างเดียว พักหลังๆ ที่เห็นตูนถ่ายภาพวาบหวิว เปิดกลุ่มลับโชว์สยิว มีเพศสัมพันธ์เขาป่วยเป็นจิตเวชแล้ว  ตูนปิดกั้นญาติพี่น้องทุกคนไม่ให้เข้าไปดู ตนทราบมาสักระยะแล้วว่า ตูนมีพฤติกรรมแบบนี้ พอเตือน ตูนก็โหวกหเวกโวยวาย


ตนกังวลว่าหาก “สิบตำรวจเอก” ออกจากคุกมาเขาเอาคืนแน่  ตอนนี้แม่อาย ห่วงลูกที่ถูกจับก็ต้องยอมรับสภาพจะให้ทำยังไง ให้ไปรักษาอาการจิตเวชจริงๆ จังๆ ตูนก็ไม่ยอมไป เขาบอกไม่ได้เป็นอะไร อ้างว่ามีองค์ยักษ์และองค์กุมาร ไม่ได้บ้า แต่แม่รู้ว่าลูกสาวเป็นอะไร ยังไม่คิดประกันตัวเพราะไม่มีเงิน อยากให้สังคมอย่าฟังฝ่ายเดียว จะได้รู้ว่าลูกสาวไม่ได้ผิด ไม่ได้สมยอมเพื่อเรียกตบทรัพย์



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/3aqRYjoUWso


คุณอาจสนใจ

Related News