คุณยายพิการทุกข์ซ้ำ ไฟไหม้บ้านวอดไม่เหลือทรัพย์สินอะไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้วันเสาร์ที่ 29 ม.ค.2565 ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านประชาชนวอดทั้งหลัง มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย โดยนายคเณศวร เกษอินทร์ นายอำเภอรัตนบุรี จ.สุรินทร์ ผู้อำนวยการอำเภอ ตามกฎหมายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ว่า เหตุเกิดขึ้นที่บ้านเลขที่ 29 หมู่ที่ 9 ตำบลธาตุ อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ จึงสั่งการให้ นายสุรชัย สุนุรัตน์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วย นางกิตติยา ธัญกิตติชัย กำนันตำบลธาตุ เดินทางเข้าตรวจสอบ และ อำนวยการควบคุมเหตุเพลิงไหม้ และ ประสานการช่วยเหลือเร่งด่วน ซึ่งที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ช่วยกันระดมกำลังฉีดน้ำไม่ให้ลุกลามไปบ้านข้างเคียงไว้ได้ แต่บ้านหลังเกิดเหตุเป็นบ้านไม้ ได้รับความเสียหายทั้งหลัง ขณะเกิดเหตุมีผู้อยู่ในที่เกิดเหตุ 4 คน โดยมีผู้ได้บาดเจ็บ 1 คน จากไฟลวกบริเวณไหล่ขวา และได้รับการช่วยเหลือนำตัวส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาลรัตนบุรีแล้ว



จากการสอบถาม นางเพ็ง อ่างเฮ้า อายุ 77 ปี เจ้าของบ้านซึ่งพิการที่ขา ได้เล่าเหตการณ์ให้ฟังว่า ในขณะเกิดเหตุ ตนและลูกหลานทั้ง 3 คน กำลังทำงานอยู่ใกล้ๆกับบริเวณบ้าน ตนได้มองขึ้นไปบนบ้านซึ่งมีช่องมองเข้าไปเห็นเป็นไฟแดงฉาน ตนตกใจมากและรีบตะโกนบอกทุกคนว่าไฟไหม้ๆ และให้มาช่วยกันดับไฟ แต่ไฟได้ลุกโหมขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ในขณะนั้นลูกชายของตนคือนายเอกชัย อ่างเฮ้า ได้วิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อจะเอาทรัพย์สินออกมา แต่ไม่สามารถเข้าไปบนบ้านได้ และได้ถูกไฟไหม้ได้รับบาดเจ็บที่หลัง จนต้องรีบพาส่งโรงพยาบาล ต่อมาชาวบ้านที่ทราบเหตุการณ์จึงได้ช่วยกันโทรฯแจ้งรถดับเพลิงให้มาทำการช่วยเหลือ แต่ก็ไม่สามารถดับไฟได้ทัน จนกระทั่งไฟได้ไหม้บ้านหมดทั้งหลัง พร้อมกับทรัพย์สินที่ไม่สามารถนำออกมาได้แม้แต่ชิ้นเดียว คงมีแต่เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่เท่านั้น กับที่ตากเอาไว้ที่บริเวณข้างบ้านเพียงไม่กี่ชุด โดยเฉพาะหลานสาวที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ม. 4 ซึ่งมีชุดนักเรียนและตำราเรียนได้ถูกไฟไหม้เสียหายไปทั้งหมด



สำหรับสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ด้าน ร.ต.อ.เกรียงศักดิ์ จงจำ ร้อยเวร สภ.ดอนแรด ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว ส่วนสาเหตุที่แท้จริงต้องรอผลการตรวจสอบจากกองวิทยาการที่จะมาตรวจที่เกิดเหตุอีกครั้ง



สำหรับการช่วยเหลือ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า ด้านที่อยู่อาศัย ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 9 ได้เร่งจัดเตรียมสถานที่พักอาศัยชั่วคราว โดยให้พักในศาลาประชาคมหมู่บ้าน และ พิจารณาตั้งจุดรับความช่วยเหลือบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ โดยประชาสัมพันธ์ให้ชุมชนร่วมกันดูแลด้านเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อการดำรงชีพ และ ฝ่ายความมั่นคง ได้รวบรวมข้อมูลความเสียหาย โดยประสานกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิจารณาช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประสบเหตุอย่างเร่งด่วนต่อไปแล้ว.