สังคม
แฉหมดเปลือก! ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สลด เหยื่อถูกหลอกเงิน ยิงตัวดับขณะวิดีโอคอล
โดย thichaphat_d
26 ม.ค. 2565
658 views
เมื่อวานนี้ (25 ม.ค. 65) นายบี (นามสมมติ) อายุ 18 ปี เข้าร้องทุกข์ที่กระทรวงยุติธรรม หลังถูกหลอกให้ไปทำงานคอลเซ็นเตอร์แบบผิดกฎหมาย ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ระยะเวลา 4 เดือน จากเพจหางานในปอยเปต และถูกทำร้ายร่างกาย จนกระทั่งขอความช่วยเหลือไปที่เพจสายไหมต้องรอด จนหนีรอดกลับมาไทยได้ในที่สุด แต่ยังโดนโทรมาข่มขู่
นอกจากนี้ ยังมีคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์จากขบวนการดังกล่าวอีกหลายคน จึงมาร้องขอความเป็นธรรมกับกระทรวงยุติธรรม โดยว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้รับเรื่องร้องทุกข์
นายบี เล่าว่า ช่วงต้นปี 2564 ตนตกงาน พอดีไปพบเพจหางานในปอยเปต มีโฆษณารับสมัครงาน โดยจะให้ค่าตอบแทนเดือนละ 40,000 บาท และไม่มีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จึงตัดสินใจไปทำงานเมื่อเดือน ก.ย.64 พอไปถึง อ.สูงเนิน จ.สระแก้ว มีชายชาวไทยมารับ เพื่อพาลักลอบข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติด้านจังหวัดปอยเปต
จากนั้นนำไปส่งไว้ที่อาคารแห่งหนึ่ง ใกล้ชายแดนกัมพูชา โดยอาคารดังกล่าว พบว่ามีคนไทยถูกหลอกมาทำงานคอลเซ็นเตอร์อีกประมาณ 100 คน นอกจากนี้ยังมีชาวฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซียอีกจำนวนมาก
มีการจัดที่พักอาศัยให้อยู่รวมห้องกัน ห้องละ 5 คน มีอาหารให้รับประทาน 3 มื้อ มีห้องทำงานของกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ จะแบ่งหน้าที่กันทำงาน แต่ละคนจะได้รับสมุดบันทึกข้อมูลส่วนตัวของคนไทย 200 รายชื่อ
ขณะเดียวกัน จะมีคนที่ทำหน้าที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ตำรวจ ดีเอสไอ และจะแบ่งแผนกกันอย่างชัดเจน เช่น คดียาเสพติด แผนกคดีฟอกเงิน โทรศัพท์โทรหาเหยื่อ หลอกแจ้งหมายเลขคดี หมายจับ และชื่อบุคคลที่กระทำผิด จากนั้นหลอกถามข้อมูลของเหยื่อ แล้วโยงว่าไปเกี่ยวข้องกับผู้กระทำผิด สร้างบรรยากาศให้เหมือนอยู่ในสถานีตำรวจ หรืออยู่ในสำนักงานของรัฐ เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อว่ากำลังคุยกับตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รัฐจริงๆ
ในแต่ละวันจะมีผู้หลงเชื่อ โอนเงินให้วันละ 2-3 ล้านบาท เมื่อเหยื่อโอนเงินมาแล้ว จะให้ผู้ถือบัตรเอทีเอ็มข้ามมากดเงินที่ อ.อรัญประเทศ ส่วนคนที่ถูกหลอกมาทำงาน หากไม่ยอมทำ จะถูกผู้คุมซ้อม ทำร้ายร่างกาย ผู้ชายจะถูกขู่ว่า จะส่งไปลงเรือประมงที่ชายทะเลสีหนุ ส่วนผู้หญิงจะถูกส่งไปค้าประเวณี
และหากหนีออกมาช่วยเหลือจากตำรวจกัมพูชา จะถูกจับตัวส่งกลับไปที่เดิม แต่ถ้ายอมทำงานครบ 1 เดือนโดยไม่หลบหนี จะถือว่าผ่านการทดลองงาน และได้รับอนุญาตให้ออกนอกพื้นที่ เพื่อซื้อของใช้จำเป็น เดือนละ 1 ครั้ง
ซึ่งนายบี อยู่ครบกำหนด 1 เดือน จึงไดัรับอนุญาตให้ออกมาซื้อของได้ จึงใช้โอกาสนี้ แอบนำโทรศัพท์ออกมาโทรหาแม่ เพื่อขอความช่วยเหลือ แม่จึงติดต่อไปที่เพจสายไหมต้องรอด และมีการประสานเจ้าหน้าที่ของเพจมารับตัวกลับบ้าน
นายบี ยังเปิดเผยว่า มีครั้งหนึ่ง มีคนไทยจะกู้เงินผ่านแอปฯของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่คนจีนที่เป็นบิ๊กบอส บอกว่า ให้ผู้ชายคนนี้โอนเงินเข้ามาก่อน จึงจะให้กู้ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินมาให้ และพบว่าถูกหลอก ก็พยายามวีดีโอคอลกลับมาหาแก๊งมิจฉาชีพเพื่อขอเงินคืน
แต่ถูกหัวหน้าแก๊งด่าว่าโง่ พร้อมกับหัวเราะเยาะ ทำให้ชายที่ถูกหลอก เอาปืนยิงศีรษะตัวเองจนเสียชีวิตขณะกำลังวีดีโอคอล ทำให้คนที่ถูกหลอกไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สะเทือนใจและเสียใจมาก ซึ่งหากเสร็จสิ้นคดีนี้ นายบีบอกว่า อยากจะบวชอุทิศส่วนกุศลให้ชายคนนั้นด้วย
ด้านว่าที่ร้อยตรีธนกฤต เปิดเผยว่า เหยื่อถูกหลอกลวง เพราะหลงเชื่อว่าจะได้ค่าตอบแทนถึงเดือน 40,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นการข้ามไปทำงานแบบผิดกฎหมาย เพราะไม่ต้องใช้พาสสปอร์ต และใช้เวลาเพียง 15 นาที ก็ผ่านขั้นตอนทั้งหมดตามเส้นทางธรรมชาติ
โดยมีนายหน้าชาวไทยเป็นคนติดต่อ ก่อนส่งให้แก๊งค้ามนุษย์มาเฟียชาวจีนที่ประเทศกัมพูชา และถูกพาไปกักตัวไว้ในอาคารมีรั้วไฟฟ้าป้องกันมิดชิด หากใครไม่ทำงานจะถูกซ้อมทรมานจนถึงแก่ความตาย
กระทั่งผ่านไป 1 เดือน เหยื่อได้รับอนุญาตให้ออกมาซื้อของข้างนอก จึงใช้โอกาสนี้แอบติดต่อขอความช่วยเหลือกับครอบครัว โดยคดีดังกล่าวเป็นคดีที่เริ่มต้นจากไทยต่อเนื่องไปยังต่างประเทศ และยังมีคนที่หลงเชื่อถูกหลอกอีกกว่า 100 คน จากการสอบถามพบว่า มีเงินได้จากการหลอกลวงนี้ไหลเข้าบริษัทดังกล่าววันละ 2-3 ล้านบาท โดยมีนายหน้า และตัวบงการเป็นชาวจีนอยู่เบื้องหลัง
ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ประสานกับ พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. เพื่อให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ ดำเนินคดีกับแก๊งค้ามนุษย์
ส่วนกระทรวงยุติธรรมจะทำงานร่วมกับฝ่ายปกครอง ตำรวจ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นให้ได้ และย้ำว่า กระทรวงยุติธรรมไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องดังกล่าว พร้อมจะให้ความช่วยเหลือเต็มที่ โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจะเข้าไปช่วยในเรื่องการคุ้มครองพยาน เพื่อให้เหยื่อได้รับความปลอดภัย รวมถึงสิทธิที่ควรจะได้รับตามกฎหมาย
นอกจากนี้ ยังสืบทราบจนรู้ว่า มีคนไทยที่เข้าร่วมขบวนการค้ามนุษย์ด้วย ซึ่งจะต้องสืบทราบเส้นทางการเงินของบุคคลเหล่านี้ เพื่อหาต้นตอ พร้อมกับฝากถึงประชาชนว่า ควรมีสติคิดรอบคอบก่อนตกลงทำงานใดๆ ไม่ว่าจะมีใครส่งข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือก็ตาม ต้องเช็คให้มั่นใจก่อนว่า บริษัทดังกล่าวมีอยู่จริง มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ หรือสามารถโทรสอบถามสายด่วนยุติธรรม 1111 กด 77
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/XPegF4pG2xk
แท็กที่เกี่ยวข้อง เงินสะพัด ,แฉหมดเปลือก ,อดีตแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ,ถูกหลอกไปทำงาน