สังคม

สะเทือนใจ...แม่ชวนลูกโดดสะพาน เครียดเกินรับไหว สามีถูกโกง หลังค้ำประกันต้องใช้หนี้แทน

โดย thichaphat_d

14 ธ.ค. 2564

1.3K views

เมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.) นายสุชาติ ประสมสู่  เจ้าหน้าที่ อปพร.เขตคลองสาน ได้รับแจ้งเหตุหญิงพยายาม พาลูกสาวกระโดดสะพานพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ถนนประชาธิปกฝั่งมุ่งหน้าปากคลองตลาด แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กทม. ที่เกิดเหตุพบหญิงวัย 33 ปี ยืนร้องไห้กอดกันอยู่กับลูกสาววัย 9 ขวบ (ลูกบุญธรรม) บนสะพานในลักษณะเตรียมก่อเหตุสลด

โดยที่ข้อมือของทั้งสองถูกพันธนาการด้วยสายเคเบิ้ลไทร์สีดำ โดยพลเมืองดีช่วยกันเกลี้ยกล่อม นานกว่า 15 นาที หญิงสาวจึงสงบสติอารมณ์ลง ก่อนนำกรรไกรมาตัดสายเคเบิ้ลไทร์ออก และประสานสายตรวจ สน.ปากคลองสาน มารับตัวไปรอญาติที่โรงพัก  

สอบถามนายสุชาติ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านขึ้นไปบนสะพานพอดี เห็นเหตุการณ์จึงรีบวกรถ กลับไปให้ความช่วยเหลือ

จากการพูดคุยกับหญิงวัย 33 ปี ผู้เป็นแม่ เบื้องต้นทราบว่าพาลูกสาวเดินทางนั้งแท็กซี่มาจาก จ. สมุทรสาคร เครียดปัญหาหนี้สินรุมเร้า เนื่องจากสามีไปเซ็นค้ำประกันให้กับคนรู้จัก แต่ลูกหนี้ หนีหนี้ ผู้ค้ำกลับต้องรับผิดชอบแทน ส่งผลกระทบต่อครอบครัวอย่างมาก แต่ท้ายที่สุดเมื่อ พลเมืองดีช่วยปลอบจนได้สติคืนมา จึงล้มเลิกความตั้งใจฆ่าตัวตาย เจ้าตัวยินยอมให้สายตรวจนำตัวไปที่โรงพัก  

ในเวลาต่อมาสามีของหญิงคนดังกล่าว อายุ 37 ปี  หลังทราบข่าวได้เดินทางมาหาภรรยาและลูกที่ สน.ปากคลองสานเพื่อรับกลับบ้าน เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนที่จะมาคบกับภรรยานั้น ตนทำงานรับราชการอยู่ อบต.แห่งหนึ่ง ใน จ.สมุทรสาคร

โดยเมื่อปี 2552 ตนและเพื่อนร่วมงานรวม 7 คน ได้ทำเรื่อง กู้เงินกับธนาคารแห่งหนึ่ง เป็นสวัสดิการเพื่อเสริมสร้างพัฒนาคุณภาพชีวิตข้าราชการ และทั้ง 7 คน ค้ำประกันซึ่งกันและกัน แต่ยอดกู้แต่ละคนต่างกันขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือน ตำแหน่ง

ซึ่งมีรุ่นพี่คนหนึ่งที่ร่วมกู้ด้วยกัน เขากู้เงิน 7 แสนบาท ยอมรับว่าตนไม่ได้ศึกษารายละเอียดสัญญาค้ำประกันให้ดีสุดท้ายเกิดปัญหา เพราะรุ่นพี่คนนี้หนีหนี้ ปัจจุบันรุ่นพี่ร่วมงานคนดังกล่าวย้ายที่ทำงานใหม่ไปแล้ว ติดต่อไม่ได้ โทรไปไม่รับโทรศัพท์  

ตั้งแต่ย้ายไปขาดการชำระหนี้ธนาคาร ทางธนาคารก็มาไล่บี้กับผู้ค้ำประกัน 6 คน ให้ชำระหนี้แทน  โดยเขาค้าง 3 งวด รวมดอกเบี้ยเป็นเงินกว่า 4 หมื่นบาท  แรก ๆ ผู้ค้ำทั้งหมดช่วยกันใช้หนี้ให้

ต่อมาพวกตนรับภาระหนี้ไม่ไหว เพราะแต่ละคนต้องจ่ายหนี้สินของตนเองต้องมารับผิดชอบคน อื่นอีก ทั้งนี้รุ่นพี่คนดังกล่าวกลับไม่ชำระหนี้เลยทำตัวเฉยชา ไม่สนใจว่าผู้ค้ำคนอื่นจะเดือดร้อนอย่างไร ตอนนี้หนี้สินของตนเองเคลียร์หมดแล้ว

แต่ยังต้องใช้หนี้แทนคนอื่นเนื่องจากเป็นผู้ค้ำประกัน  โดยภรรยาของตนเพิ่งมาทราบเรื่องภายหลังเพราะไม่ได้เล่าให้ฟัง ไม่คิดว่าจะมีปัญหา

ภรรยาของตนมาทราบเรื่องทั้งหมด เมื่อปี 2562 โดยมีหมายศาลส่งมาที่บ้านของตนคนเดียว ให้ชำระหนี้แทนรุ่นพี่คนดังกล่าวประมาณ 6 แสนบาท และให้ตนไปไล่เบี้ยเก็บจากผู้ค้ำคนอื่น ๆ เอง หากยังเพิกเฉยจะบังคับคดียึดบ้านของผู้ค้ำไปขายทอดตลาด

โดยตนกับภรรยาไปไปปรึกษา ธนาคารเพื่อหาทางออก ซึ่งธนาคารแนะให้ชำระหนี้ปิดสัญญาเงินกู้ของรุ่นพี่คนดังกล่าว บ้านก็จะไม่ถูกยึด ทำให้ภรรยาเครียดมาก จนคิดจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตายพร้อมลูกสาว  

“ผมเกือบเสียครอบครัวถ้าไม่มีคนช่วยทัน พอทราบข่าวก็รีบขับรถมาหาภรรยากับลูก ดีใจที่ ปลอดภัย ช่วงเช้าวันเกิดเหตุตนคุยกับภรรยายังเป็นปกติ ภรรยาบอกลางานเพราะไม่สบาย ไม่คิดว่าจะตัดสินทำอย่างนี้ ผมก็เครียดดึงครอบครัวมาลำบากพยายามหาทางแก้ปัญหา ที่ผ่านมาภรรยาจะเป็นคนปลอบตนตลอด ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดเรา แต่ครอบครัวเราเดือดร้อนเพราะคนอื่น”    

ล่าสุดทราบเรื่องจากธนาคารว่า 1 ใน 6 ที่เป็นผู้ค้ำประกันให้รุ่นพี่คนดังกล่าว โดยผู้ค้ำคนนี้ได้เกษียณแล้วขาดการชำระหนี้ธนาคารอีก 8 แสนบาท ยิ่งทำให้ตนเครียดหนักไปอีก เท่ากับว่าตนและผู้ค้ำที่เหลืออาจจะต้องแบกรับภาระร่วมกันใช้หนี้แทน ตอนนี้ใบแจ้งหนี้ส่งมาถึงบ้านแล้ว  “มันเหมือนซ้ำเติมชีวิตหนักกว่าเก่า”  

เงิน 6 แสนบาทที่ศาลสั่งให้ชดใช้ยังแก้ปัญหาไม่ได้เลย ถ้าโดนยึดบ้านคงไม่มีที่อยู่อาศัย เป็นความผิดของตนที่ไปเซ็นค้ำโดยไม่ศึกษารายละเอียดสัญญาให้ดี  

ผู้สื่อข่าวได้คุยกับหญิงวัย 33 ปี เปิดเผยว่า  ตนและสามีพยายามหาทางออกทุกวิถีทาง ปรึกษา ทนายความศูนย์ดำรงธรรม เจ้าหน้าที่บอกให้ใช้หนี้แทนไปก่อนแล้วค่อยฟ้องที่หลัง ปรึกษาธนาคารก็บอกให้ผู้ค้ำทำเรื่องลดหย่อนชำระหนี้ แต่ไม่มีเงินไปใช้หนี้ ไม่มีใครช่วยได้ ต้องแบก รับหนี้สินเพราะสามีของตนไปค้ำประกันให้เขา สาเหตุที่ธนาคารฟ้อง เพราะผู้กู้และผู้ค้ำคนอื่น ไม่มีทรัพย์ จึงมีหมายศาลส่งมาหาสามีถึงที่บ้าน

ตนตัดสินใจจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตายพร้อมลูกสาววัย 9 ขวบ เพราะไม่อยากอยู่เป็นภาระให้สามี  ตนอยากจบชีวิต คิดว่าถ้าคิดสั้นจะฆ่าตัวตายแถวบ้านก็ต้องมีคนมาช่วยเหลือทัน จึงตัดสินใจพา ลูกสาววัย 9 ขวบ ออกจากบ้านนั่งแท็กซี่เข้ากรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปที่สะพานพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช หวังหนีปัญหาชีวิต  

ทั้งนี้ได้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเกลี้ยกล่อมว่าทุกอย่างมีทางออก ทำให้ตนล้มเลิกความคิดฆ่าตัวตาย  เจ้าหน้าที่ช่วยโทรหาทนายอาสา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าที่ตนจะตัดสินใจทำแบบนี้ พยายามโทรหาทนายอาสาแต่โทรไม่ติด ติดต่อยากทุกหน่วยงาน ปัญหายังไม่มีทางออกชัดเจน ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะ เป็นยังไงต่อ เป็นสิ่งที่ทำให้ตนไม่ไหว ต้องใช้หนี้อีกเท่าไหร่ถึงจะหมดภาระ ซึ่งเป็นหนี้สินของคนอื่น  

“ความลำบากคนเราไม่เท่ากัน กว่าจะยืนขึ้นได้ทั้งครอบครัวแบบนี้ เหนื่อยมาเยอะแล้ว อยู่ ๆ วันหนึ่งกำลังจะเริ่มเดินด้วยตัวเองได้ มันก็มีเหตุการณ์แบบนี้ หนูก็ไม่ไหว มีแต่คนปลอบแต่แก้ปัญหาอะไรไม่ได้” ผู้ค้ำคนอื่นไม่มีใครมีปัญหา กลับมีปัญหากับครอบครัวของตนครอบครัวเดียว การที่ตนตัดสินใจคิดสั้น อย่างน้อย ๆ สามีก็ไม่ต้องมากังวลใจเรื่องตนเองและลูกโตว่าจะอยู่กันยังไง สามีห่วงตนและลูกมาก



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/opgCrne4Sro

คุณอาจสนใจ

Related News