สังคม

ติดโควิด 7 ชีวิตรักษาตัวที่บ้าน อีก 13 คนยังไม่ชัดรอดหรือติด โอด ATK แพงเกินจะซื้อมาตรวจได้ครบ

โดย thichaphat_d

27 ส.ค. 2564

214 views

วานนี้ (26 ส.ค.) ทีมข่าวลงพื้นที่หลังรับแจ้งจากนางสาวณัชชา (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี บ้านพักอยู่ภายในสวน เขตจอมทอง กรุงเทพฯ เป็นครอบครัวใหญ่อยู่ด้วยกัน 20 คน มีทั้งเด็กและผู้สูงอายุ ในจำนวนนี้ติดเชื้อโควิด 7 คน ประกอบด้วยตนเอง, ตา อายุ 80 ปี, ยาย อายุ 77 ปี, แม่ อายุ 41 ปี, พ่อเลี้ยง อายุ 26 ปี, ลุง อายุ 47 ปี, น้องชาย อายุ 17 ปี


แม้ทุกคนอาการเริ่มดีขึ้นเนื่องจากรับยามาตั้งแต่ต้นเดือน แต่ยังต้องกักตัวอยู่ในบ้านสวนไม่รู้ว่ายังมีเชื้ออยู่หรือไม่ อยากได้รับการตรวจซ้ำเพื่อความมั่นใจ เพราะตอนนี้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดในบ้านบางคนยังมีอาการไอ โดยเฉพาะคุณตาวัย 80 ปี นอนหายใจหอบเหนื่อยบนเตียงในบ้านไม่ทานอาหารมาเป็นเวลา 2 วัน ทำให้เกิดการอ่อนล้าของร่างกาย หายใจได้เป็นระยะสั้น


เบื้องต้นทีมอาสาสมัครมูลนิธิธรรมประทีปสัมโพธิญาณ เข้าตรวจสอบและประเมินอาการของคุณตา ให้ออกซิเจนกับผู้ป่วย รวมทั้งแนะนำขั้นตอนการใช้งานอย่างถูกวิธีให้กับญาติผู้ป่วย เพื่อให้คุณตาหายใจได้ดีขึ้น วัดค่าออกซิเจนในเลือด อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ในเกณฑ์ปกติ พร้อมทั้งประสานศูนย์บริการสาธารณสุข 29 เพื่อช่วยเหลือต่อไป


นางสาวพรนภา อายุ 41 ปี หนึ่งในผู้ติดเชื้อ เผยว่า ตั้งแต่ต้นเดือนคุณแม่ อายุ 77 ปี มีโรคประจำตัวเป็นความดัน เบาหวาน ไขมันในเส้นเลือด เริ่มมีอาการเป็นไข้ ตัวร้อน อ่อนเพลียไม่มีแรง ช่วงแรก ๆ น็อคเป็นลม จนตาลอย จากนั้นคุณพ่อวัย 80 ปี มีอาการคล้ายกันตัวร้อนอ่อนเพลีย สงสัยว่าติดเชื้อหรือไม่ จึงไปซื้อ Antigen Test Kit (ATK) มาตรวจให้กับคุณพ่อและคุณแม่ พบว่าขึ้น 2 ขีด เป็นบวกทั้งคู่ จึงให้แยกกักตัวต่างหากอยู่ในบ้าน กินยารักษาตามอาการ ระหว่าง รอเตียง


ต่อมาตนเองและคนในบ้านบางคนเริ่มเป็นไข้ ไอ ปวดเนื้อปวดตัวไม่คิดว่าจะติดเชื้อ จมูกไม่ได้ กลิ่น ลิ้นไม่รับรส โดยตนกับสามีตรวจกับบริษัทที่ทำงานผลเป็นบวกทั้งคู่ นอกจากนี้ได้ไปซื้อชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) มาตรวจให้ลูกชาย วัย 17 ปี, ลูกสาว วัย 23 ปี และพี่ชาย


พบว่าติดเชื้อเพิ่มเช่นกัน รวมเป็น 7 คน ก่อนจะแยกคนที่ไม่ติดเชื้อ รวมถึงเด็ก ๆ จำนวน 8 คน (อายุน้อยสุด 5 เดือน) และน้องสาววัย 42 ปี กล้ามเนื้ออ่อนแรงป่วยติดเตียง ออกไปอยู่ต่างหากห้องใครห้องมัน เพราะไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน ก็รู้สึกกังวลว่าเชื้อจะแพร่กระจายทั้งบ้าน กลัวเด็กติด


ช่วงแรก ๆ ที่ทราบว่าคนในบ้านติดเชื้อ พยายามติดต่อหน่วยงานต่าง ๆ เจ้าหน้าที่บอกให้รอเตียง โทรไปที่ไหนก็ไม่มีใครรับ จึงติดต่อ 1330 สปสช. ลงทะเบียนเข้าระบบรักษาตัวที่บ้าน (Home Isolation) เพราะเป็นผู้ป่วยสีเขียวอาการไม่หนัก โดยเจ้าหน้าที่โทรมาถามอาการและได้ส่งยาฟาวิพิราเวียร์ มาให้กิน ภายหลังมีหลายหน่วยงานติดต่อมาช่วยเหลือ ส่งข้าวสาร น้ำดื่ม ยาที่จำเป็น อาหารแห้งมาให้ ขณะที่มูลนิธิกระจกเงา จัดส่งเครื่องผลิตออกซิเจนมาให้


ในช่วง 3-4 วันแรก คุณพ่ออาการหนักสุด นอนทรุดอยู่บนเตียงกินอะไรไม่ได้ กินอะไรเข้าไปก็อาเจียน ทำให้มีอาการอ่อนเพลีย ตนเป็นห่วงพ่อมาก ทุกวันนี้ทุกคนอาการดีขึ้น เหลือเพียงคุณพ่อคนเดียวอาการยังแย่อยู่ กินอะไรไม่ได้ ปวดท้อง เวียนศีรษะ ลุกนั่งร้องโอดโอย คาดว่าน่าจะเป็นอาการต่อเนื่องจากป่วยติดเชื้อโควิด ถ้าเหนื่อยมาก ๆ ตนก็จะให้พ่อใส่ออกซิเจน วัดค่าออกซิเจนในเลือด 95 % แต่ถ้าเหนื่อยหายใจไม่ทัน วัดค่าได้ 88 %


ตนอยากให้คุณพ่อได้รับการรักษา ทั้งนี้ได้ไปซื้อ Antigen Test Kit (ATK) มาตรวจซ้ำให้คุณพ่อ พบว่าขึ้นขีดเดียว เชื้อน่าจะตายไปแล้ว ที่จำเป็นต้องตรวจซ้ำให้กับพ่อนั้น เพราะกังวลใจว่าหากอาการทรุดหนักหรือเป็นอะไรขึ้นมา จะได้นำส่งโรงพยาบาลและนำผลตรวจไปยืนยันเพื่อให้พ่อได้รับการรักษา


ถ้าผลยังเป็นบวกติดเชื้อโควิด เกรงว่าโรงพยาบาลจะไม่รับดูแล อย่างไรก็ตาม “อยากให้ทุกคนในบ้านได้รับการจตรวจซ้ำให้ชัวร์ว่ายังมีใครติดเชื้ออยู่หรือไม่ จะได้ใช้ชีวิตกันตามปกติ จะซื้อ ATK มาตรวจเองมันแพงเกินที่จะซื้อมาตรวจทุกคนในบ้าน”


ด้านนางสาวณัชชา อายุ 23 ปี ผู้ติดเชื้ออีกรายในบ้านหลังดังกล่าว เผยว่า พวกตนอยู่ในสวน ใครจะเอาข้าวเอาน้ำมาให้มันก็ยากลำบาก โชคดีมีพี่สาวอีกคนคอยช่วยประสานหน่วยงานต่าง ๆ ให้ ตนเองต้องช่วยดูแลตากับยายเพราะอายุเยอะแล้ว ตนเข้าใจว่าที่ไม่มีเตียงเพราะคนป่วยเยอะ


จึงคุยกันขอรักษาตัวอยู่ที่บ้านน่าจะดีที่สุดจะได้ดูแลกันเอง หากไปอยู่โรงพยาบาลสนามเกรงว่าจะไม่มีใครดูแลตากับยาย ยังมีญาติพี่น้องอยู่ข้างนอกคอยเอาข้าวมาให้ หลังเข้าระบบรักษาตัวที่บ้านก็มีเจ้าหน้าที่โทรมาสอบถามประเมินอาการ “โรคนี้มันน่ากลัวนะ ไม่คิดว่าจะมาถึงตัวเรา”



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/WT5cZGiLPzs

คุณอาจสนใจ