สังคม

'ตาสมศักดิ์' วัย 87 ติดโควิด อาการไม่สู้ดี ลูกสาวเผย รพ.มีเตียง แต่ต้องเสียเงินแสนกว่าบาท

โดย thichaphat_d

20 ส.ค. 2564

133 views

วานนี้ (19 ส.ค.) ทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากนางสาวนิตยา อายุ 43 ปี อาศัยอยู่ในซอยสุขุมวิท 39 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ว่าพ่อของตนคือนายสมศักดิ์ อายุ 87 ปี ติดเชื้อโควิด ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน มีโรคประจำตัวคือพาร์กินสัน และต่อมลูกหมาก ต้องกินยาประจำ อาการของนายสมศักดิ์ เริ่มแย่ วัดค่าออกซิเจนต่ำ 91% เบื้องต้นประเมินเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีแดง


ก่อนหน้านั้นนายสมศักดิ์ ช่วยเหลือตัวเองได้ ลุกนั่งเดินไปอาบน้ำปกติ หลังทราบว่าติดเชื้ออาการทรุดไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ลุกนั่งไม่ได้ ลิ้นแข็งพูดไม่ได้ ถ่ายเหลวต้องใส่แพมเพิสตลอด นอนซมตัวสั่นอยู่บนที่นอน ไอ ไม่มีแรงกินยารักษาตามอาการ เช่น ยาพารา ไทลินอล ต้มสมุนไพรสูดดม อบสมุนไพร หลังจากลงทะเบียนกับ สปสช. จากนั้นวันที่ 15 ส.ค.เจ้าหน้าที่ได้จัดส่งยาฟาวิพิราเวียร์มาให้นายสมศักดิ์ กิน


ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พบว่าสภาพความเป็นอยู่ของบ้านหลังดังกล่าว เป็นบ้านปูนชั้นเดียว อาศัยอยู่ด้วยกัน 6 คน ประกอบด้วย นายสมศักดิ์,ลูกสาวคนโต อายุ 45 ปี, ลูกเขย , หลานชายอายุ 10 ปี กับ 20 ปี,หลานสาวอายุ 15 ปี ติดโควิดทุกคนยกเว้นลูกเขยผลตรวจเป็นลบ แยกไปกักตัวต่างหาก


โดยนายสมศักดิ์ ผู้เป็นพ่อจะนอนอยู่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งมีการต่อเติมเป็นห้องเล็ก ๆ พอนอนได้ อยู่ซอกทางเดินระหว่างบ้านของนางสาวนิตยา ลูกสาวคนเล็ก(คนที่ร้องขอความช่วยเหลือ) จุดที่นายสมศักดิ์ นอนมีเพียงเตียงไม้ โทรทัศน์ พัดลม หมอน ผ้าห่ม เสื้อผ้าที่แขวนไว้ ไม่มีประตูแต่นำผ้าใบมาปิดกั้นกันฝนสาด


ส่วนภายในบ้าน ลูกสาวคนโตและหลาน 3 คน ที่ติดโควิด ประเมินเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว กักตัว และรักษาตัวตามอาการอยู่ที่บ้านรวมกัน ปิดประตูบ้านไม่ออกไปที่ไหน นำหม้อหุงข้าวมาต้มสมุนไพร อบและดมช่วยบรรเทาอาการ กินยาฟาวิพิราเวียร์ ที่เจ้าหน้าที่จัดส่งมาให้ หลังได้ลงทะเบียนไว้กับ สปสช.


นางสาวนิตยา ลูกสาวคนเล็ก เผยว่า ตนเองอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งใกล้เคียงกัน ผลตรวจเป็นลบไม่พบเชื้อ แต่จะคอยดูแลพ่อ พี่สาวและหลานอยู่ห่าง ๆ พร้อมระบุว่า วันที่ 12 ส.ค. พี่สาว ซึ่งอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกันกับพ่อ จมูกไม่ได้กลิ่น เช้าวันที่ 13 ส.ค.ไปตรวจหาเชื้อที่คลินิกเอกชนแห่งหนึ่ง ผลออกมาเป็นบวก จากนั้นพี่สาวได้ซื้อ Antigen test kit (ATK) มาตรวจให้กับพ่อและคนในครอบครัว ผลออกมาเป็นบวก ทั้งหมด 5 คน


ทั้งนี้ ต้องการให้พ่อได้รับการรักษาที่โรงพยาบาล ดีกว่ารักษาตัวที่บ้านเพราะอาการของพ่อไม่สู้ดี ละแวกบ้านเป็นเครือญาติ บ้านอยู่ติดกันอาศัยอยู่ร่วม 30 คน ตอนนี้เชื้อเริ่มแพร่กระจายไปยังญาติคนอื่น ๆ แล้ว ล่าสุดตรวจพบติดเชื้อโควิดเพิ่มอีก 4 คน


ตนพยายามติดต่อทุกหน่วยงานรวมถึงเพจต่าง ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ ฝากความหวังไว้เผื่อได้เตียงที่ใดที่หนึ่ง แต่ก็เงียบหายไป บางหน่วยงานรับเรื่องไว้บอกจะติดต่อประสานงานให้แต่ก็เงียบ มีหน่วยงานหนึ่ง (กรมการแพทย์) ติดต่อมาว่าได้เตียงสนามให้พ่อแล้ว แต่ตนปฏิเสธไม่ต้องการ เพราะพ่อไม่สามารถดูแลช่วยเหลือตัวเองได้


วันที่ 18 ส.ค.ก็มีโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง (รพ.สุขสวัสดิ์) โทรมาแจ้งมีเตียงว่าง แต่มีค่าใช้จ่าย 150,000 บาท ตนจึงถามไปว่า ติดโควิดรัฐบาลบอกรักษาฟรีทำไมต้องเสียเงินเยอะขนาดนี้ เจ้าหน้าที่ระบุว่ารักษาฟรีสำหรับผู้ป่วยที่มีประกันสังคมกับ รพ. ตนไม่รู้ว่าโรงพยาบาลฯ โทรมาได้อย่างไร เพราะไม่เคยติดต่อโรงพยาบาลแห่งนี้เลย อยู่ ๆ ก็โทรมาเสนอรับการรักษาและเรียกเงิน ทีแรกดีใจได้เตียงแล้ว แต่พอบอกมีค่าใช้จ่ายจึงปฏิเสธไป


วันที่ 16 ส.ค.โทรขอความช่วยเหลือสำนักงานเขตฯ ก็โดนต่อว่า “จะโทรมาทำไมนักหนา คุณรู้มั้ยโทรมามันนับหนึ่งหมดทุกอย่าง ไม่ต้องโทรมานะครับ ยิ่งโทรมายิ่งเสียเวลาทำเคส” ตนจึงขอโทษเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่เพราะไม่อยากกดดัน แต่ตนเห็นสภาพของพ่อไม่ไหวแล้วอยากให้ถึงมือหมอโดยเร็ว


“กว่าจะได้เตียงล่าช้ายุ่งยากมากเกือบ 10 วัน ติดต่อไปแล้วติดต่อไปอีก ญาติก็ติดเชื้อเพิ่มขึ้น รออย่างมีความหวังว่าจะมีคนเข้ามาช่วยเหลือ ไม่รู้จะมีหน่วยงานไหนมาช่วยเหลือเราได้ ก่อนหน้านี้บางหน่วยงานโทรกลับมาว่าหาเตียงได้แล้วเราก็ดีใจ แต่ก็ปล่อยให้รอ ตอนนี้หมดความหวังทุกอย่าง ไม่รู้จะมีหน่วยงานไหนโทรมาโกหกหลอกให้ดีใจอีกหรือเปล่า มันรู้สึกเหมือนหมดหนทาง รอจนท้อใจ” วันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมาก็เพิ่งสูญเสียน้าชาย บวชเป็นพระอยู่วัดแห่งหนึ่งเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด


ทีมข่าวจึงช่วยประสานงาน 1669 ศูนย์เอราวัณ โดยทีมแพทย์พร้อมหน่วยพยาบาลฉุกเฉิน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย เข้าไปประเมินอาการผู้ป่วยถึงที่บ้าน พยุงตัวนายสมศักดิ์ เดินออกจากห้องนอนเล็ก ๆ มานอนบนเปลวัดความดัน เข็นไปขึ้นรถพยาบาลซึ่งจอดอยู่หน้าปากทางไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตามสิทธิ์)


ขณะที่นางสาวนิตยา ลูกสาวคนเล็ก บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ทีแรกหมดหวังมาก ๆ เห็นนักข่าวโทรมาบอกจะช่วยประสานงานให้ ก็เข้าใจว่าจะเหมือนกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เคยโทรมาก่อนหน้าหรือไม่ ที่บอกว่าจะประสานงานให้ก็หายไป แต่หลังจากที่ทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ติดต่อมาสอบถาม วางสายไปไม่ถึง 2 นาที ก็มีเจ้าหน้าที่ 1669 ศูนย์เอราวัณ โทรมาหาว่าจะส่งทีมแพทย์เข้ามาประเมินอาการและรับตัวคุณพ่อไปรักษา


ลูกสาวคนเล็ก ยกมือไหว้ขอบคุณที่ให้การช่วยเหลือ ดีใจมากทุกอย่างจบได้ภายในวันเดียว หลังจากรอมานานเกือบ10 วัน ทุกคนในบ้านก็ดีใจ เพราะที่ผ่านมาเหมือนไม่มีความหวัง ขอขอบคุณทีมงานเรื่องเล่าเช้านี้ ทำให้เห็นว่าสามารถช่วยเหลือได้จริง ๆ ไม่ปล่อยทิ้งให้ผู้ป่วยนอนรอความตาย “อย่างน้อยพ่อเราจะได้รับการรักษา พ่อเราต้องรอดแล้ว”


ตนก็ไม่อยากให้เกิดความสูญเสียขึ้นอีก “เห็นข่าวคนอื่นก็สะเทือนใจแล้ว พอเกิดขึ้นกับครอบครัวเรา รู้ซึ้งเลยว่าชีวิตของคนสำคัญมาก ๆ ความตายแค่เสี้ยวเดียวจริง ๆเข้าใจเลยทำไมถึงต้องสูญเสียก็เพราะหน่วยงานโยนกันไปมา ชีวิตของคนมันหยุดไม่ได้ คนป่วยก็รอคอยการรักษา”


ด้านนางสาวภาวนา ลูกสาวคนโต ยืนอยู่ในบ้านยกมือไหว้ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือครั้งนี้ เพราะติดต่อขอความช่วยเหลือนานนับอาทิตย์ จนช่อง 3 เข้ามาช่วย ที่ผ่านมาได้แต่รอแบบไม่มีหวัง พอน้องสาวโทรมาบอกว่าช่อง 3 จะมารับตัวคุณพ่อไปรักษา ดีใจจริง ๆ ทำให้หมดกังวล ส่วนตนกับลูกอีก 3 คน ที่ติดเชื้อก็จะรักษาตัวเองให้ดีที่สุด



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/CbedAwE8Lfg

คุณอาจสนใจ