'อ.อ๊อด' อธิบายเด็กเตะบอลถูกฟ้าผ่า ไม่เกี่ยวใส่เข็มขัด เตือนเลี่ยงอยู่กลางแจ้งช่วงฝนตก

จากกรณีฟ้าผ่าใส่ร่าง ด.ช.กฤษณพล จันทร์ศรี หรือ น้องโอเค อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ม.1 ขณะเล่นฟุตบอลท่ามกลางสายฝน สนามหน้าที่ว่าการอำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี

โดย ด.ช.ธีรภัทร จันทร์บูรณ์ หรือ ออมสิน เพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ตนพร้อมเพื่อน 9 คน ได้มาซ้อมฟุตบอล ขณะซ้อมฝนตกหนักจึงไปหลบใต้อาคาร เมื่อฝนเริ่มซาก็ซ้อมใหม่ และได้เกิดเสียงฟ้าผ่าใกล้ต้นไม้ข้างๆ สนาม 1 ครั้ง จึงแยกย้ายกันหลบฝน

แต่น้องโอเค และเพื่อนอีก 5 คนที่บาดเจ็บ ยังคงเล่นอยู่ จากนั้น 3-5 นาที เสียงฟ้าผ่าครั้งที่ 2 ดังขึ้น เห็นแสงฟาดลงกลางหน้าผากน้องโอเค จนล้มลงฟุบลงกับพื้นสนาม ส่วนคนอื่นๆได้กระเด็นออกคนละทาง ทุกคนหูดับชั่วขณะ ก่อนนำส่งโรงพยาบาล

ด้านครอบครัวน้องโอเค บอกว่า ไม่มีลางสังหรณ์ใดๆเลยว่า จะสูญเสียลูกชาย เข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ ทั้งนี้ได้ตรวจสอบกางเกงนักเรียนและมีหัวเข็มขัดที่น้องใส่เล่นฟุตบอล ก็พบว่า มีรอยไหม้ที่ตะขอด้านใน คาดว่าจะเป็นตัวชนวนล่อฟ้า

มีข้อมูลจาก รศ.ดร.วีระชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์ และวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า เด็กที่ถูกฟ้าผ่า ไม่เกี่ยวว่าเพราะใส่เข็มขัด แต่อยู่ที่เล่นกีฬาหลังจากเกิดฟ้าคะนองและลมพายุ

เพราะระหว่างที่ฝนตกมีการถ่ายเทประจุลบ จากก้อนเมฆลงพื้นสนามอยู่แล้ว หลังเกิดพายุฝน สิ่งที่ล่อเป้าคือสิ่งที่สูงที่สุดในบริเวณพื้นหญ้าแถวนั้นคือเด็ก ทำให้ประจุบวกที่อยู่เหนือก้อนเมฆ วิ่งตามประจุลบลงมาโดนเด็ก แล้วประจุบวกลงสู่พื้นดิน ส่วนที่ทำให้เด็กคนอื่นๆ ล้มเพราะเกิดจากการประจุลบ ที่ลงพื้นสนามขยายวงกว้างไปโดนเด็ก ซึ่งการป้องกันคือหลังฝนฟ้าคะนองอย่าเพิ่งไปเล่นต้องรอให้ประจุหมดเสียก่อน

เมื่อก่อนเราเชื่อว่าวิธีเลี่ยงฟ้าผ่า คือห้ามใส่โลหะออกกลางแจ้ง ซึ่งผลการศึกษาออกมาว่าไม่เกี่ยว แต่สิ่งที่อันตรายที่สุดคืออุปกรณ์ไฟฟ้าเช่น โทรศัพท์มือถือ แทบเล็ต หรือหูฟังแบบบลูทูธ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ส่งคลื่นสัญญาณที่เป็นประจุบวก ส่วนก้อนเมฆจะถ่ายเทประจุลบลงมา เมื่อมาเจอกันจึงนำไฟฟ้าและเกิดฟ้าผ่า แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ให้นั่งยองๆบนปลายเท้า เพื่อเลี่ยงการสัมผัสกับพื้นดินให้มากที่สุด

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/lcCQeQu3_0g