สังคม

หญิงชาวเขาป่วยมะเร็ง อ่านหนังสือไม่ออก เครียด ถูกหลอกเซ็นกู้เงิน เป็นหนี้เฉียด 3 แสน วอนช่วยเหลือ

โดย panwilai_c

9 ม.ค. 2568

57 views

หญิงชาวเขาป่วยมะเร็ง อ่านหนังสือไม่ออก ถูกหลอกเซ็นเอกสารกู้เงินนานเกือบ 20 ปี จนเป็นหนี้เกือบ 3 แสน แต่ไม่เคยได้ใช้เงินแม้แต่บาทเดียว ไปถามที่ธนาคารก็ถูกไล่ หาว่าบ้า สุดเครียดกลัวว่าถ้าตายไปแล้ว หนี้สินจะตกไปอยู่กับลูก



ตัวแทนจากสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ ไปพบกับนายจันทร์ นามสมมุติ อายุ 64 ปี และนางมี นามสมมุติ อายุ 57 ปี ชาวบ้านบ้านสบห้วยฟาน ตำบลบ่อแก้ว อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ หลังญาติ ๆ ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือให้กับ นางมี ที่ถูกหลอกให้เซ็นเอกสารกู้เงินจากธนาคารแห่งหนึ่ง ที่สาขาอำเภอสะเมิง ตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบันเป็นหนี้สะสมรวม 2 แสน 7 หมื่น 9 พัน 861 บาท 50 สตางค์ ซึ่งนางมีไม่เคยได้ใช้เงินแม้แต่บาทเดียว



นางมี เล่าว่า ตนเองและสามีอ่านหนังสือไม่ออก อาศัยอยู่กับลูกที่สติไม่สมประกอบ ส่วนลูกอีก 2 คน ไปทำงานต่างจังหวัด ซึ่งก่อนเกิดเรื่อง สามีกับเพื่อนในกลุ่มรวม 5 คน ได้ขอสินเชื่อจากธนาคารแห่งหนึ่ง ในลักษณะเป็นสมาชิกกู้เงินเป็นกลุ่ม ค้ำประกันซึ่งกันและกัน ทำให้สามีเป็นหนี้กับธนาคาร 2 หมื่นบาท แต่พอถึงกำหนดชำระหนี้ สามีไม่มีเงินจ่าย หัวหน้ากลุ่มจึงได้จ่ายหนี้ให้ก่อน 2 หมื่นบาท



จากนั้นสามีก็ได้ไปกู้เงินจากธนาคารอีก 3 หมื่นบาท นำมาคืนให้หัวหน้ากลุ่ม 2 หมื่นกว่า บาทรวมดอกเบี้ย ผ่านไป 2-3 วัน หัวหน้ากลุ่มได้มาที่บ้าน พูดคุยเรื่องที่เคยให้ความช่วยเหลือ พร้อมแจ้งว่า จะตัดชื่อสามีออกจากบัญชีของสมาชิกธนาคาร และให้ตนเองเป็นสมาชิกแทน กระทั่งปี 2552 มีเจ้าหน้าที่ธนาคารมาที่บ้าน ขอสำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน เพื่อไปเปิดบัญชีธนาคาร 200 บาท ซึ่งตนเองบอกว่า ไม่มีเงิน แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่เป็นไร



ผ่านไปอีก 2-3 วัน เจ้าหน้าที่ธนาคารมาขอให้เซ็นเอกสารกู้เงิน ซึ่งตนได้ปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่อ้างว่า จะให้เงินกู้ 5 พันบาท โดยให้ไปเซ็นเอกสารและรับเงินวันหลัง แต่ถึงเวลาจริงกลับไม่ได้รับเงิน กระทั่งปี 2556 ตนได้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ต้องผ่าตัดและพักฟื้นอยู่หลายปี ก่อนจะมาทราบภายหลังว่า มีคนเอาสมุดบัญชีธนาคารมาให้ 3 เล่ม โดยระบุว่า ตนได้เป็นหนี้ธนาคาร 1 แสน 5 หมื่นบาท จึงได้ไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรม อำเภอสะเมิง ในเดือนธันวาคมปี 2561 แต่กลับไม่มีความคืบหน้า



ระหว่างนั้นตนยังได้รับหนังสือแจ้งหนี้จากธนาคารอย่างต่อเนื่อง จึงร้อนใจ และไปร้องทุกข์ที่ อบต.บ่อแก้ว



ทาง อบต.ได้ส่งเรื่องต่อไปยังสำนักงานยุติธรรมจังหวัดเชียงใหม่ แต่เรื่องก็เงียบหายไป จึงเดินทางไปที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 เพื่อติดตามความคืบหน้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้บอกว่า ขณะนี้ยังไม่มีการฟ้องร้องจากธนาคาร หลังจากนี้ไม่ต้องไปเซ็นต์เอกสารใดๆ จากธนาคาร แต่ตนยังได้รับเอกสารจากธนาคารหลายฉบับ แต่ตนอ่านไม่ออก จึงให้ลูกหลานอ่านให้ ทราบว่า เป็นเอกสารใบจัดสรรชำระหนี้ และใบแจ้งหนี้ ก็ยิงไม่สบาย ไม่รู้ว่าจะต้องยังไงต่อ ที่สำคัญคือไม่เคยได้ใช้เงินกู้แม้แต่บาทเดียว



จากนั้นตนก็ไปที่ธนาคารหลายครั้งเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง มีเจ้าหน้าที่ได้บอกว่า จะทำหนี้ให้เป็นศูนย์ให้ บางครั้งก็ถูกไล่ออกจากธนาคาร โดยบอกว่า ถ้าได้หนังสือแจ้งหนี้ก็ให้ฉีกทิ้ง ถ้าฉีกไม่ไหวก็จะช่วยฉีกให้ ก่อนถูกไล่ออกจากธนาคาร พร้อมกล่าวหาว่า เป็นบ้า



กระทั่งปี 2567 ตนได้รับการติดต่อจากธนาคาร ว่า กลุ่มคนที่มีรายชื่อค้ำประกันเงินกู้ ได้มายื่นเงื่อนไขให้ไปเซ็นเอกสาร หากยอมไปเซ็น จะทำให้เรื่องหนี้สินกลายเป็นหนี้ศูนย์ แต่ตนปฏิเสธ ทำให้ล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีหนังสือแจ้งจากธนาคารว่า ตนมีหนี้สินรวมดอกเบี้ยทั้งหมด 2 แสน 7 หมื่น 9 พัน 861 บาท 50 สตางค์ ทำให้เกิดความไม่สบายใจมาก เพราะตอนนี้ก็อายุมากแล้ว ต้องดูแลลูกที่สติไม่สมประกอบ มีรายได้จากการทำไร่ ทำสวน ทอผ้า ไม่มีปัญญาจะหาเงินมาใช้หนี้ก้อนนี้ เกรงว่าหากจากโลกนี้ไปจะทิ้งหนี้ไว้ให้กับลูกทั้ง 3 คน



ด้านนายท็อป นามสมมุติ ลูกของผู้เสียหาย เผยว่า หลังทราบเรื่องก๋พยายามช่วยเหลือแม่ เพราะทั้งพ่อและแม่อ่านหนังสือไม่ออก แต่เขียนชื่อตัวเองได้เท่านั้น ซึ่งจากการสังเกต บัญชีธนาคารทั้ง 3 เล่มที่ได้รับมาหลังจากไปอยู่ที่ไหนไม่รู้นานหลายปี ซึ่งสมุดเล่มแรกในรายการระบุว่าวันที่ 23/03/52 มีการฝากเงินเปิดบัญชี 200 บาท ต่อมา 19/05/52 เงินเข้าบัญชี 150,000 บาท และถอนเงิน 150,000 และมีการฝากเงิน 2 พันบาทในวันเดียวกันหลังจากนั้นก็ไม่มีรายละเอียด



ส่วนบัญชีธนาคารเล่มที่ 2 และเล่มที่ 3 คาดว่าจะมีการเปลี่ยนสมุดบัญชีแทนเล่มแรกเนื่องจากมีรายละเอียดเงินเชื่อมโยงกัน แต่จะมีจะมีเงินฝากครั้งล่ะ 3-4 พันบาท และถอนทันทีหลายครั้งซึ่งคาดว่าจะมีคนจ่ายค่างวดให้จนหลังๆไม่มีการฝากเงินเลย จนมีหนังสือแจ้งหนี้จากธนาคาร



อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาหลังจากแม่ทราบว่าเป็นหนี้ธนาคารแม่ไม่เคยนิ่งนอนใจพยายามติดต่อธนาคารหลายครั้งแต่ถูกหลอก ถูกไล่ จนเกิดความเครียด ถึงกับกินไม่ได้ นอนไม่หลับ หลังได้รับหนังสือจากธนาคารและพยายามเดินทางร้องขอความเป็นธรรมจากหลายหน่วยงาน แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าทำตนและคนในครอบวิตกกังวลและเกิดความเครียดตลอด ประกอบกับตนไปทำงานอยู่ไกลก็มีความเป็นห่วงทั้งเรื่องสุขภาพเกรงว่าจะล้มป่วยไปอีก นอกจากนี้ตนและพี่น้องต่างกังวลว่าหากแม่มีอันเป็นไปภาะหนี้สินจะตกไปสู่ลูกหลานในอนาคต จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือครอบครัวของตนด้วย



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/qFHgBXiEPgI

คุณอาจสนใจ

Related News