‘ทนายบอสพอล’ แฉมีทนายปริศนาเตี๊ยมคำให้การผู้เสียหาย เอาผิด ‘ดิไอคอน’

‘ทนายบอสพอล’ ยันมีทนายปริศนาเตี๊ยมคำให้การผู้เสียหาย เอาผิด ‘ดิไอคอน’ รับมีแม่ข่ายถอนฟ้องบ้างแล้ว ขณะ ผบ.ตร.ชี้ถอนแจ้งความไม่ได้

เมื่อวานนี้ (30 ต.ค. 2567) นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล เดินทางมาเยี่ยมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นการพูดคุยแนวทางการต่อสู้คดี

ทนายวิฑูรย์ กล่าวว่า ในกรณีที่ผู้เสียหายแจ้งความเอาไว้ บางส่วนมาถอนแจ้งความแล้ว ขณะที่ตอนนี้มีผู้เสียหายมาแจ้งความ ประมาณ 9,200 คน ซึ่งไปตรวจสอบพบหลักฐาน ข้อมูลว่ามีทนายความสำนักหนึ่งจัดพิมพ์แพทเทิร์นประเด็น เตี๊ยมคำให้การกับแม่ข่ายที่ไปแจ้งความ ให้พูดในลักษณะเดียวกัน เช่น บริษัทมีการโฆษณาชวนเชื่อเกินจริง, เอาทรัพย์สินมาเป็นตัวล่อเพื่อโน้มน้าวการตัดสินใจ หากเปิดดีลเลอร์จะได้ของมีมูลค่า จนตัดสินใจเปิดบิลเพราะเชื่อมั่นในตัวบอสพอล บังคับให้เปิดระบบดีลเลอร์ ยิงแอดหาคนเพิ่ม ซึ่งหลักฐานที่พบตนเป็นแชตข้อความจากมูลนิธิทนายความ และคลิปเสียงที่ลูกทีมมาปรึกษาแม่ทีมว่าถูกให้ตอบไปแบบสคริปต์ที่เตี๊ยมมา

นายวิฑูรย์ แนะนำว่า ผู้ใดก็ตามที่เคยให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในลักษณะแพตเทิร์นที่ได้มาจากทนายความสำนักดังกล่าว ขอให้ไปติดต่อพนักงานสอบสวนทุกท้องที่เพื่อแก้ไขคำให้การ หรือจะถอนแจ้งความก็ได้ มิเช่นนั้น อาจจะเข้าข่ายความผิดฐานแจ้งความเท็จ โดยยืนยันว่า ไม่ใช่เป็นการข่มขู่ แต่เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายและตนเองจะทำจริง

ทั้งนี้ บอสพอลไม่ได้เครียด กังวล แต่รู้สึกปลอดภัยกว่าอยู่ข้างนอก และตอนนี้จะยังไม่ยื่นประกันตัว เพราะกระแสสังคมยังติดลบ จึงได้แนะนำกับบอสทุกคนว่าขอให้อดทน “อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้ แกล้งตายให้เป็น แล้วรอวันเอาคืน”

ล่าสุดเมื่อเช้าที่ผ่านมา ทนายวิฑูรย์ มาเยี่ยมบอสพอลที่เรือนจำ เพื่อนำเอกสารหนังสือมอบอำนาจในการต่อสู้คดีเพื่อยื่นให้ DSI โดยในช่วงบ่าย ตนเองจะไป DSI เพื่อหารือเกี่ยวกับการนำพยานที่เป็นแม่ทีมกว่า 2,000 คน มาให้ปากคำ โดยจะพูดคุยว่า DSI มีความพร้อมในการสอบปากคำพยานวันละกี่คน

ส่วนการนำพยาน 2,000 คนมาให้การ เป็นการประวิงเวลาหรือไม่ ทนายวิฑูรย์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เนื่องจากที่ผ่านมามีแต่การสอบปากคำฝั่งผู้กล่าวหาฝ่ายเดียว ส่วนฝั่งดิไอคอนสอบปากคำเพียงแค่ผู้ต้องหา 18 รายและพนักงานในบริษัท ยังไม่สอบปากคำคนทำธุรกิจกับดิไอคอนเลย และยืนยันว่าพยานฝั่งตนไม่มีการกำหนดแพทเทิร์น

ส่วนกรณีที่โฆษกพรรคพลังประชารัฐออกมาแถลง ว่ามีนักการเมืองพรรคเพื่อไทยเกี่ยวข้องกับดิไอคอน ยืนยันว่าไม่มี มองว่าเป็นความพยายามที่ทำให้เป็นเรื่องของการเมืองและเป็นองค์กรอาชญากรรม ส่วนที่โฆษกพรรคพลังประชารัฐพูดว่า คลิปเสียงที่นาย ส. คุยกับบอสพอล เป็นช่วงที่เสียงที่นาย ส. เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ไม่แน่ใจในช่วงเวลาที่แน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะเป็นหลังการเลือกตั้งปี 2566 และที่ยังบอกว่า มีบอส ก. สนิทสนมกับผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยนั้น ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่มีหรอก ใหญ่สุดก็ในบอสพอล ส่วนบอส ก. ก็มีแต่บอสกันต์ แค่นั้น

ส่วนเรื่องเส้นเงินที่พบว่าบอสพอลโอนเงินให้แม่ของนักการเมือง ส. 2.5 ล้านบาทนั้น เรื่องนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบ ทราบเพียงว่าเป็นเงินที่บอสพอลโอนไปร่วมทำบุญกับแม่นักการเมืองทุกเดือน เพราะทั้งสองฝ่ายรู้จักและสนิทกัน ยืนยันไม่เกี่ยวกับคลิปเสียงคล้ายการเรียกรับเงินก่อนหน้านี้ ซึ่งตนเองชี้แจงได้

ส่วนการดำเนินคดีกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ จะดำเนินคดีแยก 4-5 กรรม ต้องดูว่าพาพยานไปร้องที่ไหนบ้าง

และหากนายเอกภพฟ้องกลับ ตนเองไม่กังวล เพราะพูดในข้อเท็จจริง

ส่วนกรณีมีข่าวว่าทางทนายความของผู้ต้องหาจะนำผู้เสียหายมาถอนแจ้งความกับตำรวจ ล่าสุด พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า คดีดังกล่าวไม่สามารถถอนแจ้งความได้ เนื่องจากบางข้อหาเป็นความผิดอาญาต้องดำเนินคดีต่อ ส่วนจะเป็นเทคนิคการต่อสู้ทางคดีของกลุ่มทนายหรือไม่ ยืนยันว่ากระบวนการสอบสวนของตำรวจ คือกระบวนการยุติธรรมชั้นต้นที่ต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้รอบคอบที่สุด ส่วนขั้นตอนต่อไปที่เป็นชั้นศาล ไม่ขอก้าวล่วง

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/lngldG0Jdfc