สังคม

ตร.แจง ‘ติ๊ก ชีโร่’ ไม่ได้เป่าแอลฯ ที่เกิดเหตุ เพราะเจ็บหน้าอก สั่งตรวจแอลกอฮอล์ในเลือด รู้ผลใน 3 วัน

โดย paweena_c

10 ต.ค. 2567

134 views

‘ติ๊ก ชีโร่’ ขับรถตู้ พุ่งชน จยย. 3 พี่น้อง ตาย 1 เจ็บสาหัส 1 เจ้าตัวยอมรับผิดและยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง เบื้องต้นตำรวจสั่งตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด เชื่อรู้ผลภายใน 3 วัน


เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณตี 4 ที่ผ่านมา ตำรวจ สน.คันนายาว และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ บริเวณช่วงสะพานข้ามถนนเทพรักษ์ ถนนสุขาภิบาล 5 ย่านสายไหม หลังได้รับแจ้งว่า มีรถตู้ชนมอเตอร์ไซค์ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต


ที่เกิดเหตุพบศพนางสาวเทียนพร อายุ 28 ปี อยู่ที่บนสะพาน และยังพบมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าคลิกสีดำของผู้เสียชีวิต ในสภาพพังยับเยิน นอกจากนี้ยังพบรถตู้ฮุนไดสีดำ ซึ่งมีนายศิริศักดิ์ นันทเสน หรือ ติ๊ก ชีโร่ ซึ่งเป็นคนขับรถตู้คันนี้ พุ่งชนจักรยานยนต์ โดยพบว่ารถตู้กันชนยุบ และไฟหน้าด้านซ้ายแตก


ส่วนที่พื้นถนนด้านล่าง พบนายจักรภัคร อายุ 21 ปี เป็นนักศึกษาชั้น ปี 2 คณะมนุษยศาสตร์ มศว. ประสานมิตร อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่เร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลภูมิพล


นางสาวจิณห์นิภา อายุ 24 ปี เปิดเผยว่า ผู้หญิงที่เสียชีวิตเป็นพี่สาวของเธอ ส่วนผู้ชายที่บาดเจ็บเป็นน้องชายของเธอ ก่อนเกิดเหตุน้องชายขี่มอเตอร์ไซค์โดยมีเธอนั่งตรงกลางและพี่สาวนั่งซ้อนท้าย เมื่อมาถึงบนสะพานขวดน้ำเปล่าที่เธอถือมาด้วยได้ตกลงไปบนถนน เธอจึงบอกให้น้องชายจอดมอเตอร์ไซค์ไว้ริมสะพาน จากนั้นได้ลงไปเก็บขวดน้ำ


ในจังหวะนั้นรถตู้สีดำก็ขับขึ้นสะพานมาด้วยความเร็วและพุ่งชนมอเตอร์ไซค์ของน้องชายอย่างจัง โดยที่น้องชายกระเด็นหลุดออกจากมอเตอร์ไซค์ตกลงจากสะพานลงไปพื้นถนนด้านล่าง ส่วนพี่สาวกระเด็นหลุดออกจากมอเตอร์ไซค์และเสียชีวิต


ขณะที่ติ๊ก ชีโร่ หลังขับรถตู้ชนมอเตอร์ไซค์แล้ว ได้ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ ซึ่งทันทีที่พ่อและแม่ของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมาถึงติ๊ก ชีโร่ เข้าไปกราบขอโทษและยอมรับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมบอกว่าขับรถมาจนถึงตอนนี้อายุ 63 ปีแล้ว ไม่เคยประสพอุบัติเหตุจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมาก่อน ขณะที่พ่อแม่ของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตได้ถามว่าทำไมติ๊กถึงต้องขับรถเร็วขนาดนี้


จากนั้นติ๊ก ชีโร่ ได้ไปยังจุดที่นางสาวเทียนพรเสียชีวิต ซึ่งพบว่าเหลือเพียงกองเลือดอยู่ที่พื้นถนน ซึ่งติ๊ก ชีโร่ ได้กราบขอขมากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


ล่าสุดทีมข่าวไปตรวจสอบที่ สน.คันนายาว โดยพบว่ามีครอบครัวผู้เสียชีวิตนำตัวผู้รอดชีวิต คือนางสาวจิณห์นิภา มาเพื่อรอให้ปากคำกับตำรวจ


นายจีรวัฒน์ ซึ่งเป็นพ่อของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต เปิดเผยว่า อาการของลูกชายคนเล็กขณะนี้พบว่า กะโหลกศีรษะร้าว กระดูกต้นคอแตกหัก และยังอยู่ในอาการโคม่า แพทย์บอกว่ามีโอกาสรอด 10% ตอนนี้อยู่ระหว่างการ ประสานขอย้ายโรงพยาบาลไปยังโรงพยาบาลตามสิทธิ์ เนื่องจากมีเงินไม่เพียงพอ และจะประสานไปยังโรงพยาบาลที่มีหมอเฉพาะทางด้วย หลังเกิดเหตุ ติ๊ก ชีโร่ ได้เข้ามาคุยกับตนเอง และยอมรับว่าเป็นคนขับรถตู้ และบอกว่าจะรับผิดชอบทั้งหมด


พันตำรวจเอกนเรนทร์ เครื่องสนุก ผู้กำกับการ สน.คันนายาว เปิดเผยว่า ในส่วนของติ๊ก ชีโร่ ที่มีข่าวออกมาว่าหลังจากพบเจอกับพ่อและแม่ของผู้เสียชีวิต และได้หายตัวไปติดต่อไม่ได้นั้น จากการตรวจสอบพบว่าหลังเกิดเหตุ ติ๊กได้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลกับญาติตั้งแต่ช่วง 6.00 น. โดยทางแพทย์ได้ประเมินให้อยู่พักรักษาตัว และแบตโทรศัพท์ของติ๊กหมด จึงทำให้ติดต่อไม่ได้


ทั้งนี้ได้ประสานให้ทางโรงพยาบาลตรวจเลือดหาค่าปริมาณแอลกอฮอล์ของติ๊กแล้ว คาดว่าจะทราบผลภายใน 3 วัน ส่วนติ๊กหากแพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน ตำรวจก็จะเรียกมาสอบปากคำทันที


ส่วนประเด็นที่ทำไมถึงไม่ให้ติ๊ก เป่าแอลกอฮอล์ในที่เกิดเหตุนั้น เนื่องจากติ๊กมีอาการเจ็บหน้าอกไม่สามารถเป่าได้ จึงให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลและติ๊กก็ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี


ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหาตอนนี้ยังไม่สามารถแจ้งได้ เนื่องจากต้องรอผลการตรวจแอลกอฮอล์ในเลือด และหากผลการตรวจออกมามีแอลกอฮอล์ในเลือดก็จะแจ้งความดำเนินคดีตามขั้นตอน แต่หากผลออกมาไม่มีแอลกอฮอล์ในเลือดก็อาจจะมีความผิดเข้าข่ายฐานประมาทร่วม แต่ก็ต้องดูหลักฐานอื่นๆ ในที่เกิดเหตุประกอบ ทั้งนี้ทางญาติของติ๊ก ได้เตรียมเงินมา 100,000 บาท เพื่อมอบให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต เป็นค่าทำศพ และพร้อมจะดูแลค่ารักษาพยาบาลคนเจ็บ โดยส่งไปยังโรงพยาบาลเฉพาะทางเพื่อทำการรักษา

https://youtu.be/zxr674Y6JuM

คุณอาจสนใจ