'ครูเบญ' จี้ ศธ.รับผิดชอบ ชื่อหายหลังสอบครูติดที่ 1 ยืนยันไม่ขอรับข้อเสนอเป็นครูอัตราจ้าง

ผู้เสียหายไปร้องขอความเป็นธรรม ที่กระทรวงศึกษาธิการ ไม่ขอรับข้อเสนอ ย้ายไปอีกโรงเรียนจนกว่าผลสรุปสอบพนักงานราชการครูจะแล้วเสร็จ พร้อมเผยถูกข่มขู่จากผู้ใหญ่ให้ลบโพสต์ 

กรณี ครูเบญ นางสาวเบญญาภา (สงวนนามสกุล) ผู้เสียหายที่สอบได้ลำดับที่ 1 แต่ภายหลังประกาศใหม่ชื่อหาย ได้ไปที่กระทรวงศึกษาธิการ พร้อมกับ นายรณณรงค์ แก้วเพชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนและขอความเป็นธรรมถึงพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯศึกษาธิการ ในฐานะ โฆษกกระทรวงมารับหนังสือแทน

ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า การมาเรียกร้องความเป็นธรรมในวันนี้ หวังว่ากระทรวงศึกษาธิการจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย และจะเปิดเผยข้อมูลการตรวจสอบอย่างโปร่งใส ยอมรับว่า ที่ผ่านมาการสอบบรรจุข้าราชการ นั้นในสังคมไทย ยังมีระบบอุปถัมภ์คือ กลุ่มเด็กเส้นแต่ไม่เคยมีการตรวจสอบ หรือออกมาเรียกร้องเช่นกรณีนี้

นางสาวเบญญาภา เปิดใจครั้งแรกว่า หลังเกิดเหตุการณ์ ที่มีการประกาศผลสอบ 2 รอบ โดยครั้งแรก ประกาศ เมื่อวันที่ 9 กันยายน มีชื่อของเธอ อยู่ในลำดับที่ 1 แต่ต่อมาวันที่ 12 กันยายน มีการแก้ไขประกาศผลการสอบใหม่ โดยไม่มีชื่อของเธออยู่ในลำดับที่ 1-10 ของผู้สอบผ่านเลย จึงมีข้อสงสัยว่า เกิดการทุจริตหรือไม่ และหลังเกิดเหตุ ยังไม่เคยได้รับการชี้แจงใดๆที่ชัดเจน มีเพียงเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ อธิบายว่า มีความผิดพลาดที่ข้อสอบ จึงมีการเปลี่ยนผลคะแนน ซึ่งก็ยังไม่คลายข้อสงสัย เธอจึงนำเรื่องราวมาโพสต์ เพื่อให้สังคมช่วยตรวจสอบ แต่ล่าสุด มีผู้ใหญ่ในพื้นที่ ติดต่อมา ลักษณะข่มขู่ให้เธอลบโพสต์ดังกล่าว ในวันนี้จึงต้องมา ร้องขอความเป็นธรรม

ส่วนที่มีการติดต่อเพื่อเยียวยา เบื้องต้นให้เธอไปรับตำแหน่งครูอัตราจ้างในโรงเรียนใกล้บ้าน นั้นไม่ขอรับ จะขอรอผลการตรวจสอบก่อน เพราะเชื่อมั่นว่า ก็ทำข้อสอบได้ แต่หากผลตรวจสอบ และนำคำตอบมาเปิดเผย สรุปว่า เธอคะแนนไม่ผ่าน ก็พร้อมยอมรับในผลนั้น

หลังรับเรื่องร้องเรียน โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ทางเลขาธิการ กพฐ. ได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง และส่ง นิติกรลงพื้นที่ รวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆมาตรวจสอบที่ส่วนกลาง เช่น ชุดข้อสอบ กระดาษคำตอบ มาตรวจสอบว่าเกิดจากประมาทหรือมีเจตนาตั้งใจ ทุจริต ในการประกาศรายชื่อ ผู้ผ่านการสอบไม่ตรงกัน 2 ครั้ง

ยืนยันว่า ทำผิดจะต้องถูกลงโทษ อย่างแน่นอน โดยกำหนดเวลา 7 วัน ต้องได้ข้อสรุปเร็วที่สุด หากพบว่า เป็นการจงใจทุจริตมีโทษสูงสุดคือไล่ออกจากข้าราชการ

โฆษกกระทรวงฯ ยอมรับว่า ข่าวที่มีการได้ยื่นเสนอให้ผู้เสียหาย เลือกเป็นครูอัตราจ้างในสถานศึกษาใกล้บ้าน เป็นแนว สพฐ. ส่วนกลาง ที่ดำเนินการในเบื้องต้น ไม่ใช่การยื่นข้อเสนอหรือเงื่อนไขเพื่อปิดปาก จากพื้นที่ แต่อย่างใด

คุณสิริพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผลการสอบในครั้งนี้ ที่กำหนดให้มารายงานตัว ในวันพรุ่งนี้ (17 กันยายน) จะสั่งการให้ชะลอ การรายงานตัวไปก่อน เพื่อรอให้ผลการตรวจสอบแล้วเสร็จ


https://youtu.be/vsalO8LQnAs