สังคม

หนังคนละม้วน! เจ้าหนี้พูดแล้ว ลูกหนี้หายเอง ค้างส่งค่างวด ทนายยันนำรถไปจำนำจริง

โดย chutikan_o

4 ม.ค. 2567

132 views

กรณีลูกหนี้ร้องศูนย์ดำรงธรรม อยากจ่ายหนี้แต่ติดต่อเจ้าหนี้ไม่ได้ ล่าสุดเจ้าหนี้ยอมพูดแล้ว โต้กลับเป็นหนังคนละม้วน ระบุลูกหนี้หายเอง ค้างส่งค่างวด แถมนำรถไปจำนำ

จากกรณีที่นายวิชัย อายุ 37 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ ไปร้องศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดบุรีรัมย์ ว่าอยากจะให้เจ้าหน้าที่ช่วยติดต่อ นางสุพิศ อายุ 51 ปี ชาว อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ เจ้าของสิบล้อที่ขายให้กับตนเองเมื่อปี 2565 ว่าตนเองอยากจะจ่ายเงินก้อนสุดท้ายที่เหลือ 200,000 บาท จากราคาขาย 600,000 บาท แต่นางสุพิศ ปฏิเสธการรับเงิน โทรไปก็ไม่รับสาย ก่อนจะมีทนายความของเจ้าหนี้ติดต่อมา บอกว่าถ้าจะปิดยอดต้องจ่ายเพิ่มอีก 80,000 ทำให้นายวิชัย ต้องไปลงบันทึกประจำวัน ว่าอยากจ่ายเงินที่เหลือแต่ติดต่อเจ้าของรถไม่ได้

รายละเอียดการซื้อขาย นายวิชัย กล่าวว่า เดือนมีนาคม 2565 ได้ตกลงทำสัญญาซื้อรถสิบล้อจากนางสุพิศ ราคา 600,000 บาท มีการวางเงินในวันรับรถ 300,000 บาท ที่เหลืออีก 300,000 ให้จ่ายเป็นรายปีๆ ละ 100,000 บาท เดือนเมษายน 2565 จ่ายไปแล้ว 100,000 บาท

เดือนเมษายน 2566 ต้องจ่ายอีก 100,000 บาท แต่หาเงินไม่ได้ จึงเลื่อนออกไป จนเดือนกรกฎาคม 2566 จะเอาเงิน 100,000 ไปจ่ายตามสัญญา แต่กลับถูกปฏิเสธ แล้วไม่รับสาย จากนั้นทางทนายของนางสุพิศ ได้ติดต่อมาแจ้งยกเลิกสัญญา เลยถามกลับไปว่า ผิดสัญญาตรงไหน เพราะยังไม่สิ้นปี เนื่องจากสัญญาจ่ายปีละครั้ง จึงให้ข้อเสนอไปว่า จะตัดยอดทั้งหมดที่ค้างไว้ 200,000 บาท แล้วถือว่าจบกันไป แต่ทางทนายก็ไม่ยอม

ล่าสุดทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ติดต่อ นางสุพิศ อายุ 51 ปี และนายคำจุน อายุ 55 ปี สองสามีภรรยา ซึ่งเป็นเจ้าของรถสิบล้อคันที่ขายให้นายวิชัย โดยนายคำจุน กล่าวว่า นายวิชัยไม่ส่งค่างวดในเดือนเมษายน ตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งในสัญญาระบุว่าจ่ายกันเป็นรายปี ตนเองและภรรยาพยายามติดต่อนายวิชัย แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เคยไปหาถึงบ้านก็เจอแต่พ่อแม่นายวิชัย จึงจ้างสายสืบช่วยออกติดตาม จนพบว่า รถสิบล้อคันดังกล่าวถูกนำไปจอดอยู่ที่เต็นท์รับจำนำแห่งหนึ่ง ตนเองจึงเข้าใจว่านายวิชัยนำรถสิบล้อคันดังกล่าวมาจำนำ จึงมอบหมายให้ทนายความดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย

ส่วนที่นายวิชัยอ้างว่าพยายามติดต่อพวกตนนั้นก็ไม่จริง นางสุพิศ กล่าวว่า นายวิชัยไม่มีเบอร์ตนเอง มีแต่เบอร์นายคำจุน ซึ่งตั้งแต่เดือนเมษายน ทางฝั่งตนเองพยายามติดต่อนายวิชัย เพื่อทวงถามค่างวดมาโดยตลอด ก่อนไปสืบทราบว่ารถสิบล้อคันดังกล่าวถูกจอดอยู่เต็นท์รับจำนำ

สำหรับเงินก้อนสุดท้าย 200,000 บาทที่นายวิชัยต้องการจะจ่ายให้นั้น ตนเองจะรับหรือไม่ขึ้นอยู่กับทนายความ เพราะมอบหมายให้ทนายความดำเนินการแล้ว

ขณะที่นายธีรศักดิ์ ทองทรวง ทนายความฝั่งเจ้าหนี้ เปิดเผยว่า ตนเองได้รับมอบอำนาจจากนางสุพิศและนายคำจุน ให้ติดตามทวงทรัพย์คืนจากลูกหนี้ คือ นายวิชัย โดยข้อเท็จจริงที่สืบทราบมาว่า นายวิชัยทำสัญญาซื้อขายรถสิบล้อกับนางสุพิศและนายคำจุน ในราคา 600,000 บาท ตอนปี 2565 หลังจากนั้นก็ผ่อนค่างวดโดยในสัญญาระบุว่า ผ่อนเป็นรายปีภายในเดือนเมษายนของทุกปี

ต่อมานายวิชัย ค้างค่างวดเดือนเมษายน 2566 ตามที่สัญญาระบุ ทางเจ้าหนี้ได้พยายามติดตามทวงถามไปแล้ว แต่ไม่เจอนายวิชัย มีแต่ส่งข้อความมาทางไลน์ อ้างว่า หาทางขายออกอยู่ เงินงานก็ยังไม่ออก

ตนเองและเจ้าหนี้จึงจ้างนักสืบติดตามหารถสิบล้อคันดังกล่าวจนพบว่า จอดอยู่ที่เต็นท์รับจำนำแห่งหนึ่ง ตนเองจึงติดต่อพูดคุยกับทางเจ้าของเต็นท์รถ ซึ่งมีนักข่าวในพื้นที่เป็นหุ้นส่วน โดยนักข่าวที่เป็นหุ้นส่วน บอกกับตนเองว่า นายวิชัยนำรถสิบล้อมาจำนำไว้ 200,000 บาท จากนั้นก็ขาดการติดต่อไปเลย ไม่มีการจ่ายดอกเบี้ยด้วย หลังจากทราบข้อเท็จจริงดังกล่าว ตนเองจึงบอกเลิกสัญญาและส่งหนังสือขอรถคืนจากนายวิชัย

ขณะเดียวกัน ตนเองได้เสนออีกทางเลือกให้กับทางเจ้าของเต็นท์รถว่า ให้ลงทุนเพิ่มอีก 280,000 บาทและทางนางสุพิศ นายคำจุน จะโอนเล่มรถสิบล้อคันดังกล่าวให้กับเต็นท์รถ ส่วน 200,000 บาท ที่นายวิชัยนำรถมาจำนำ ทางเต็นท์บอกว่า มีหนังสือกู้ยืม ซึ่งทางเต็นท์ก็สามารถไปฟ้องร้องเอากับนายวิชัยได้

ข้อเสนอเรื่องจ่ายเงิน 280,000 บาท ทนายความกล่าวว่า ไม่เคยพูดเรื่องนี้ หรือยื่นข้อเสนอนี้ให้กับนายวิชัย แต่นายวิชัยกลับให้ข่าวในลักษณะดังกล่าวว่า เจ้าหนี้ไม่รับเงินค่างวดสุดท้าย 200,000 บาท แต่จะเรียกเงิน 280,000 บาท

ขณะที่นายวิชัยออกมาปฎิเสธว่าไม่ได้เอารถไปจำนำ เอารถไปจอดที่อู่เพื่อจะซ่อมกระบะที่ทรุดโทรม ถ้าเอาไปจำนำจริงนานกว่าครึ่งปี รถคงไม่อยู่แล้ว จึงอยากจะฝากถึงเจ้าของรถ ขอให้ทำตามกติกา ตอนนี้พร้อมจ่ายเงิน


https://youtu.be/Ollg1Jmoxb0

คุณอาจสนใจ

Related News