สังคม

พี่สาวของเจ้าหนี้ปลิดชีพ เผยน้องไม่เคยเล่าให้ฟัง ด้านลูกหนี้ทำสัญญาใช้เงินแล้ว

โดย kanyapak_w

9 ชั่วโมงที่แล้ว

7K views

อดีตพนักงานราชการ ปลิดชีพ ช้ำใจลูกหนี้ยืมเงินแล้วไม่คืน ยอดเกือบ 1 ล้านบาท เขียนจดหมายลาตายฝากนายกฯทวงเงิน ด้านพี่สาว เผย น้องไม่เคยเล่าให้ฟัง ยืนยันไม่ติดใจ คิดว่าเป็นเวรกรรมของน้องชาย ด้านลูกหนี้ทำสัญญาใช้เงินแล้ว



จากกรณีอดีตราช นายเจริญ  ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองด้วยการแขวนคอหลังจากถูกเพื่อนพนักงานภายในเทศบาลแห่งหนึ่งยืมเงินและไม่ยอมใช้หนี้คืนกับใช้ชีวิตกินดีอยู่ดี ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายกิตติเดช ลานทอง นายกเทศมนตรีตำบลลำลูกกา เปิดเผยว่าตนเองรู้จักกับตัวนายเจริญ ผู้เสียชีวิตมานานแล้ว โดยนายเจริญเกษียณได้ประมาณ 5-6 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้นายเจริญทำหน้าที่เป็นพนักงานประจำส่งเอกสารระหว่างอำเภอ และเทศบาลลำลูกกา ที่ผ่านมานายเจริญไม่เคยเข้ามาพูดคุยกับตนรื่องการโดนยืมเงินมาก่อน เพราะถ้าหากนายเจริญมาบอกกับตน ตนยืนยันว่าจะช่วยเหลือเต็มที่ สำหรับเหตุการ์ณในครั้งนี้ตนก็รู้สึกเสียใจกับการจากไปของนายเจริญเช่นเดียวกัน



โดยหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว และได้มีการอ่านจดหมายที่นายเจริญเขียนไว้ มีคำขอร้องถึงตนให้เข้ามาช่วยเหลือ ตนจึงได้เรียกเจ้าหน้าที่เทศบาล 3 คนที่มีรายชื่ออยู่ในจดหมาย พร้อมด้วยปลัดอำเภอ นางสมบัติ นิติกรณ์ และหัวหน้าของทั้ง 3 คน โดยมีปลัดอำเภอเป็นคนสอบปากคำด้วยตนเอง ซึ่งจากการสอบปากคำทั้งสามคนก็ยอมรับว่ามีการยืมเงินนายเจริญมาจริงแต่บางคนก็ตัวเลขไม่ตรงกับในจดหมายที่เขียนไว้ ซึ่งทางปลัดอำเภอก็ได้มีการพูดกับทั้งสามคนว่า “อยู่ที่ใจของทั้งสามคนต้องบอกความจริงถ้าไม่จริงก็จะติดใจจนวันตาย”



โดยคนแรก (ต๋อม) ยอดเงิน คือ 750,000 บาท แต่เจ้าตัวอ้างว่ายืมไปเพียงแค่ 34,000 บาทเท่า คนที่สอง (สมภพ) ยอดเงิน 40,000 บาท อ้างว่าใช้เงินสดไปแล้ว 30,000 บาท เหลือกหนี้เพียง 10,000 บาท คนที่ 3 (นก) ยอดเงิน 30,000 ซึ่งเจ้าตัวยอมรับจริงว่ายืม และอีกที่ 1 คนไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของ เทศบาลลำลูกกานั้นมียอดอยู่ 25,000 บาท ตนจึงให้นิติกรทำบันทึก และจะทำการหักหนี้จากเงินเดือนของทั้ง 3 คน โดยจะนำเงินที่หักนั้นมาใช้หนี้ให้กับนายเจริญโดยจะนำเงินที่ได้มานั้นให้พี่สาวนายเจริญอีกที โดยผ่านตนที่เป็นคนกลาง ซึ่งจะผ่อนให้กับพี่สาวของผู้ตายคนละ 2000 บาทต่อเดือน โดยจะเริ่มหักตั้งแต่สิ้นเดือนนี้เป็นต้นไป



ส่วนประเด็นที่ในจดหมายมีการเขียนไว้ว่าต้องนำเงินที่ได้มานั้นไปชำระให้กับเจ้าหนี้ของนายเจริญด้วยนั้น นายกิตติเดช ระบุว่าไม่ทราบเรื่องหนี้ตรงนั้น แต่มีข้อมูลว่านายเจริญมีการไปยืมเงินมาจำนวนหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันนายเจริญมีเงินบำนาญอยู่ประมาณ 200,000 บาท ก็จะให้พี่สาวเป็นผู้จัดการมรดกเทศบาลก็จะโอนเงินจำนวนดังกล่าวให้กับพี่สาวของนายเจริญและจะนำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้หักลบกลบหนี้ที่นายจริญเคยกู้หนี้ยืมสินมา เพื่อที่จะทำตามสิ่งที่ผู้เสียชีวิตร้องขอ



พร้อมบอกว่าที่ผ่านมาไม่เคยทราบเรื่อง และรู้เพียงแค่ว่าการกู้หนี้ยืมสินในครั้งนี้น่าจะเป็นการให้ยืมกันระหว่างเพื่อนฝูง เพราะทั้งหมดที่มีการยืมเงินกันนั้นเป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกัน กับนายเจริญจึงไม่ได้มีการทำสัญญากู้ยืมไว้ ส่วนเรื่องดังกล่าวเกิดก่อนที่ตนจะมาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลลำลูกกา และคืนก่อนเกิดเหตุนายเจริญก็ไม่เคยเข้ามาทวงถามหนี้ภายในเทศบาลและไม่เคยคุยเรื่องนี้กับใคร ซึ่งเรื่องหนี้ตนก็เพิ่งมาทราบภายหลังจากที่เกิดเหตุและมาอ่านจดหมาย



เมื่อถามว่ากรณีเช่นนี้สามารถเอาเปรียบทางวินัยได้หรือไม่ นายกิตติเดช ระบุว่าเป็นเงินที่ยืมกันโดยเสน่หาด้วยการรู้จักกันซึ่งจะมีการปรึกษาหลายส่วนมีความเห็นว่าบุคคลทั้งสามคนก็ควรจะใช้หนี้ให้กับผู้ที่เสียชีวิตต่อให้จะเป็นเงินที่จำนวนมากน้อย ก็เป็นเงินของผู้เสียชีวิต เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้งสามคน ตนก็ได้เรียกมาว่ากล่าวตักเตือนเป็นที่เรียบร้อย เพราะไม่สามารถที่จะลงโทษได้เนื่องจากเงินที่มีความเสียหายนั้นไม่ใช่เงินของหลวง



ต่อมานางสาวสมบัติ พี่สาวของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนเองอาศัยอยู่น้องชาย 2 คน ต่างคนต่างไม่มีครอบครัว อาหารก็ต่างคนต่างซื้อ ซึ่งปกติน้องชายเวลาอยู่ในบ้านจะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่เวลาอยู่ที่ทำงานก็เป็นคนสดใสร่าเริงเป็นที่รักของเพื่อน แต่ช่วงหลังจากเกษียณสังเกตเห็นถึงความผิดปกติในการใช้จ่ายเงิน รวมถึงน้องชายชอบเก็บตัวเงียบอยู่ภายในห้องนอนจึงถามน้องชายว่าเกษียณแล้วเงินพอใช้ไหม ซึ่งตอนแรกน้องชายก็ไม่ยอมบอกความจริงถามไปถามมาน้องชายจึงยอมรับว่าได้ให้คนยืมเงินไป แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร บอกแค่ว่าเป็นผู้ชาย แต่ตนเองไม่รู้ว่าใคร เพราะไม่เคยรู้จักเพื่อนของน้องชาย พร้อมทั้งบอกว่าตนเองได้กู้ยืมเงินมา เพราะเงินไม่พอใช้



ซึ่งในวันเกิดเหตุตนก็เห็นน้องชายอาบน้ำเข้าห้องนอนตามปกติ มารู้ตัวอีกทีในช่วงเช้ามืดมาเจ้าหน้าที่เทศบาลโทรศัพท์มาบอก หลังจากนั้นนายกเทศมนตรีได้เรียกตนมาเจรจากับลูกหนี้ของน้องชายทั้ง 3 คน ทำให้ได้เห็นหน้าในวันนั้น ซึ่งส่วนตัวก็ไม่ได้ติดใจที่เขาอ้างว่ายอดเงินยืมไม่ตรงกับที่นานเจริญเขียนในจดหมาย เพราะฝ่ายตนเองไม่มีหลักฐานที่จะเอามาต่อสู้ หรือโต้แย้งกับเขาได้ เมื่อบอกว่าเท่าไรก็คงต้องเท่านั้น มีแค่คน 4 คนเท่านั้นที่เขาจะรู้ ซึ่งทางนายกฯเทศมนตรีและปลัดเทศบาลก็ได้ทวงถามหลักฐานแทนแล้ว จึงคิดซะว่าเป็นกรรมของน้องชายมันจบไปแล้วจะได้สบายใจทั้ง 2 ฝ่าย และเงินนี้ก็ไม่ใช่ของตนเอง ซึ่งลูกหนี้ก็รับปากว่าจะคืน นายกฯ รับปากจะดำเนินการให้ ตนเป็นคนนอก ไม่สามารถรับเงินเองได้ นายกฯก็เป็นธุระรับมาให้ ไม่อยากจะให้มายุ่งกับตนเองแล้ว ดำนะตอนนี้รู้สึกเครียดมาก ที่ตอนคอยหลบนักข่าว เพราะไม่อยากมีข่าว พร้อมกล่าวขอบคุณ นายกเทศมนตรีตำบลลำลูกกาที่ช่วยเหลือเธอในครั้งนี้



ด้านพ.ต.ท. อิทธิกร สง่ากร สารวัตรสืบสวนสภ.ลำลูกกา เปิดเผยว่า ทางคดีจากการสืบสวนเบื้องต้นเป็นเรื่องส่วนตัว แต่หากครอบครัวติดใจในประเด็นไหนทางตำรวจจะลงไปตรวจสอบในเชิงลึกอีกครั้งทั้งผู้ที่ถูกกล่าวถึงในจดหมายและแวดล้อมต่างๆ

คุณอาจสนใจ

Related News