แม่บ้านขอโทษ ชี้เป้านศ.ป.เอก ทำเข้าใจผิดโดนบุกห้อง พ่อติดใจ เอาเรื่องทุกคนที่เกี่ยวข้อง

คืบหน้ากรณีว่าที่ด็อกเตอร์สาว ที่กำลังจะเรียนจบระดับปริญญาเอก พลัดตกระเบียงอะพาร์ตเมนต์ลงมาจากชั้น 6 เสียชีวิต ล่าสุดครอบครัวติดใจต้องการให้ดำเนินคดีทุกคนที่เกี่ยวข้อง

เหตุการณ์นี้ต้องย้อนกลับไปตอนเกือบตี 4 ของคืนวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่อะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในซอยลาดปลาเค้า 3 มีชายคนหนึ่งซึ่งอยู่อะพาร์ตเมนต์เดียวกัน ขึ้นไปทุบประตูห้องของนางสาว อาภาภรณ์ สีชำนาญ 27 ปี นักวิจัยว่าที่ด็อกเตอร์สาว ตะโกนโวยวายให้เธอออกมาจากห้อง ทำให้เธอตกใจ ตัดสินใจปีนออกมาจากที่ระเบียงหลังห้องซึ่งอยู่ที่ชั้น 6 ทำให้พลัดตกลงเสียชีวิต

ตอนเกิดเหตุเธอได้แชทคุยกับเพื่อนที่อยู่อะพาร์ตเมนต์เดียวกัน ตอนตีสาม 59 นาที เธอโทรศัพท์ผ่านไลน์หาเพื่อนที่อยู่อะพาร์ตเมนต์เดียวกัน พูดคุยสั้นๆ ราว 34 วินาที และพิมพ์บอกว่า มีคนเคาะประตูห้องดังมาก และโทรวิดิโออีก 4 วินาที และส่งข้อความไปถามเพื่อนว่า "มายัง" เพื่อนตอบกลับว่า "ได้ยินละ แป๊ปนะ"

เธอส่งข้อความไปซ้ำอีกว่า "มันเคาะอยู่ทำไง จะปีนห้องแล้วนะ ห้องจะพังไหม" เพื่อนตอบมาว่า "กลัวมันมีอาวุธ แป๊ปนะ จะโทรหาตำรวจ จะลงไปหายาม ใจเย็นๆ นะ" หลังข้อความแชทนี้ไม่กี่นาที ก็พบร่างของเธอตกลงไปด้านล่างเสียชีวิต ในเวลา ตีสี่ 8 นาที

หลังเกิดเหตุชายคนที่บุกมาเคาะห้องโดนตำรวจจับและดำเนินคดี 3 ข้อหา คือ พยายามบุกรุก ทำให้เกิดเหตุอึกกะทึกคึกโคม และทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว ซึ่งเป็นคดีลหุโทษ หมายถึงมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และบางข้อหามีเพียงโทษปรับ

ทำให้ครอบครัวผู้ตายมองว่าไม่เป็นธรรม นาย สมชาย สีชำนาญ อายุ 60 ปี พ่อของผู้ตาย จึงร้องเรียนกับเพจสายไหมต้องรอด บอกว่า ลูกสาวเป็นคนขี้ตกใจมาตั้งแต่เด็ก เวลามีเสียงดังมักจะตกใจมากกว่าคนปกติ ซึ่งลูกสาวมาพักที่อะพาร์ตเมนต์นี้ตั้งแต่เรียนปริญญาตรี จนถึงระดับปริญญาเอก เหลือแค่ส่งชิ้นงานสุดท้าย และทำเรื่องจบการศึกษาก็จะเป็นด็อกเตอร์ด้านงานวิจัยแล้ว แต่มาเกิดเหตุเสียก่อน

ชนวนเหตุมาจากเรื่องลูกสาวถูกเข้าใจผิดว่าไปจอดรถทับที่ประจำผู้ชายคนหนึ่ง ทำให้ผู้ชายคนนี้โมโห โทรศัพท์ไปถามแม่บ้านผู้ดูแลอาคาร ก่อนจะขึ้นมาโวยวายที่ห้องลูกสาว ทำให้ลูกสาวตกใจแล้วปีนระเบียงหนี ทำให้พลัดตกลงมา ซึ่งตอนเกิดเหตุเพื่อนข้างห้องบันทึกเสียงในที่เกิดเหตุเอาไว้ทั้งหมด และส่งให้ตำรวจแล้ว

จากนั้นพ่อของผู้ตายไปยังอะพาร์ตเมนต์ที่เกิดเหตุ พบกับ "ป้าสา" คนดูแลอะพาร์ตเมนต์ เข้าไปขอโทษสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมเล่าว่า วันเกิดเหตุเธอเองก็มีส่วนที่ให้เกิดเรื่อง เพราะเธอพลั่งปากพูดไปว่าน่าจะเป็นรถมอเตอร์ไซต์ของน้องผู้ตาย ทำให้ผู้ก่อเหตุเข้าใจผิด และหลังเกิดเรื่องผู้ก่อเหตุสำนึกผิดกับเหตุที่เกิดขึ้น ถึงกับร้องไห้และไปจุดธูปขอขมาในเช้าวันถัดมา แต่เจ้าของหอพักได้ให้ผู้ก่อเหตุและครอบครัว ย้ายออกทันทีภายใน 24 ชั่วโมง ส่วนตัวเชื่อว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเมา จึงทำไปโดยขาดสติ

ขณะที่ ป้าสา แม่บ้านที่ดูแลหอพัก ได้ขอโทษพ่อผู้เสียชีวิต โดยให้สัมภาษณ์ว่าวันเกิดเหตุตนมีส่วนทำให้เกิดเรื่อง เนื่องจากพลั้งปากพูดว่าจักรยานยนต์คนที่จอดอยู่นั้นเป็นของผู้ตาย ทำให้ผู้ก่อเหตุเข้าใจผิดขึ้นไปเคาะประตูก่อนเกิดเหตุการณ์สลด ส่วนตัวเชื่อว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเมา ทำไปเพราะขาดสติ เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากเฟิร์นเป็นเด็กที่น่ารัก อยู่ที่หอพักดูแลกันเหมือนลูกสาว

สายไหมต้องรอดพาพ่อบุกร้อง เพิ่มข้อหา "คนเคาะประตู"
และวันนี้เมื่อประมาณ 11 โมงที่ผ่านมา ที่ สน.โชคชัย นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมทนายความเพจสายไหมต้องรอด พาพ่อของผู้เสียชีวิต ไปติดตามความคืบหน้าทางคดีที่ สน.โชคชัย โดยพันตำรวจเอก เศรษฐพันธุ์ ศรีสาคร ผู้กำกับการ สน.โชคชัย ลงมารับเรื่องด้วยตนเองพร้อมบอกว่า การสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ต้องติดตามพยานมาสอบปากคำเพิ่มเติม และตรวจสอบกล้องวงจรปิด หลังจากตรวจสอบทั้งหมดอาจจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม

ขณะที่ทนายความของทางเพจสายไหมต้องรอด อยากให้ตรวจสอบนิติวิทยาศาสตร์การแพทย์ เวลาเกิดเหตุ รวมถึงบุคคลที่เข้าไปเคาะประตูเรียกมีท่าทีแบบไหน น้ำเสียงแบบไหน รวมถึงพยานแวดล้อมเพิ่มด้วย เพื่อพิจารณาเพิ่มเติมข้อกล่าวหาในเรื่องของความหวาดกลัว

ทางด้านพลตำรวจตรี ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 บอกว่า รายละเอียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ จะแจ้งข้อหาเพิ่มหรือไม่ต้องดูหลักฐานให้ชัดเจนก่อน

ส่วนแม่บ้านที่ดูแลหอพัก ที่เป็นคนให้ข้อมูลของคู่กรณีในเรื่องของห้องพักผู้เสียชีวิตจะเชิญตัวมาให้ข้อมูลเช่นกัน ส่วนจะแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/vQOvHYHGGiI