สังคม

สุดงง! ปล่อยบ้านร้าง 30 ปี กลับมาอีกทีมีคนยึดเข้าอยู่ ทวงคืนคิดค่าต่อเติม อ้างทำเพราะหวังดี

โดย paweena_c

4 ก.ย. 2566

1.7K views

เจ้าของบ้านร้องสื่อฯ หลังปล่อยบ้านทิ้งร้างนานกว่า 30 ปีพอกลับมาอีกที จำบ้านตัวเองแทบไม่ได้ เพราะถูกเพื่อนบ้านบุกรุกเข้าไปต่อเติม รีโนเวทอย่างดี ยึดเป็นบ้านของตัวเอง พอไปทวงถามบอกว่า ถ้าจะให้คืนเอาค่าดูแลบ้านและค่าต่อเติมมา

นายซัน อายุ 27 ปี พร้อมอากู๋ เจ้าของบ้าน อายุ 64 ปี เดินทางมาพบทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายคลายทุกข์ เพื่อขอคำปรึกษาคดีหลังเพื่อนบ้านบุกรุกเข้ามายึดบ้านที่อากู๋ซื้อไว้เมื่อ 30 ปีก่อน แถวนวมินทร์ แต่ไม่ได้อยู่และปล่อยทิ้งร้างมานาน พอวันนี้กลับมาดูอีกที พบว่า ถูกเพื่อนบ้านยึดเป็นของตัวเอง เข้าไปต่อเติมรีโนเวทและใช้เป็นที่เก็บของ รวมถึงอยู่อาศัย เพราะครัวด้านหลังมีการทำกับข้าว

โดยอากู๋บอกว่าตนเองซื้อบ้านหลังนี้ด้วยเงินสดราคา 490,000 บาท เมื่อปี 2534 หลังจากซื้อตนเองต้องไปทำงานต่างจังหวัด ช่วง 10 ปีแรกมีแวะเวียนมาดูบ้าง 2-3 ครั้ง หลังจากนั้นก็ไม่เคยเข้ามาดูบ้านอีกเลย ปล่อยทิ้งไว้จนรกร้างตามสภาพ

กระทั่งเมื่อสัปดาห์ก่อน ตนเองได้บอกกับซัน หลานชาย ที่กำลังจะแต่งงานว่า จะยกบ้านหลังดังกล่าวให้เป็นของขวัญแต่งงาน ทำให้ซันและแฟนไปลองดูบ้านจริงก่อน ว่าสามารถเข้าอยู่ได้ไหมเพราะตนเองก็ปล่อยทิ้งร้างมานาน

โดยหลานชายก็นำที่อยู่ เลขโฉนดไป search ใน Google map Street View และนำภาพถ่ายปัจจุบันมาให้ตนเองดู ซึ่งตนเองดูแล้วพบว่าไม่ใช่บ้านหลังนี้ เพราะบ้านของตนเองที่ซื้อไว้ 30 ปีก่อน ไม่มีหลังคา มีแต่ต้นไม้ ต้นกล้วย อยู่หน้าบ้าน

วันรุ่งขึ้นจึงให้หลานชายลงพื้นที่ไปดูบ้านจริงปรากฏว่าบ้านหลังดังกล่าวที่ถูกต่อเติมหลังคาเป็นบ้านของตนเองจริง แต่พอเห็นสภาพปัจจุบันถึงกับงงเพราะ มีการต่อเติมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากจนจำไม่ได้ว่าเป็นบ้านของตัวเอง

ด้านซัน หลานชาย บอกว่า ตนเองเดินทางไปดูบ้าน และก็ถามเพื่อนบ้านที่อยู่บริเวณไกล้เคียง เพื่อไล่ดูบ้านเลขที่ ก็ปรากฏว่า บ้านหลังปัจจุบันมีคนเข้าไปอยู่อาศัย พอถามกับชาวบ้านละแวกนั้น สักพักทางฝั่งคู่กรณีที่บุกรุก ก็เข้ามาสอบถามพูดคุย คุยกันไปสักพัก ตนจึงแสดงตัวว่าเป็นหลานเจ้าของบ้าน ทางฝั่งคู่กรณีก็พยายามขอรับผิดชอบด้วยการย้ายออก แต่สุดท้ายคู่กรณีขอเรียกเงินค่ารีโนเวทบ้านที่เขาได้ต่อเติมหลังคาทั้งหน้าบ้าน หลังบ้านและซ่อมแซมบ้าน รวมถึงค่าดูแลบ้านมาโดยตลอด จึงทำให้การพูดคุยเริ่มมีอารมณ์ใส่กัน หลังจากนั้นตนจึงขอตัวกลับมาบ้าน เพื่อมาปรึกษากับทนายความ

ด้านทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายคลายทุกข์ ได้ให้คำแนะนำว่าเบื้องต้นต้องแจ้งความในข้อหาบุกรุก ลักทรัพย์ และทำให้เสียทรัพย์ โดยยืนยันว่าจะใช้สิทธิ์ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนการจะเข้าไปอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวหรือจะขายบ้านหรือไม่ ขอหารือกับครอบครัวก่อน

ซึ่งทนายเดชาบอกว่าถือว่าเป็นความผิดชัดเจนอยู่แล้ว ทั้งบุกรุก ลักทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์ โดยผู้บุกรุกจะอ้างการครอบครองปรปักษ์ไม่ได้ เพราะการบุกรุกเพิ่งเริ่มขึ้นเมื่อตอนปี 2560 และถือว่ายังไม่ขาดอายุความในข้อหาบุกรุก

เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ คุณนฤชา กมุทโยธิน จึงลงพื้นที่บ้านหลังดังกล่าวที่กำลังเป็นกรณีพิพาท โดยอยู่ภายในโครงการหมู่บ้านจัดสรรย่านนวมินทร์ ลักษณะเป็นหมู่บ้านเก่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 30 ปี

โดยไปพบคุณนุ ผู้ถูกกล่าวหาว่ายึดบ้านร้าง 30 ปี บอกว่า ตนเองมาซื้อบ้านหลังแรกอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านที่มีปัญหา เมื่อปี 2545 หรือประมาณ 21 ปีก่อน ตอนนั้นบ้านหลังดังกล่าวก็ไม่มีผู้อยู่อาศัยปล่อยบ้านรกร้าง

ต่อมาตนเอง ซื้อบ้านเพิ่มอีกหลัง ด้านขวามือที่อยู่ติดกับบ้านที่มีปัญหา ซึ่งซื้อไว้ทำเป็นสำนักงาน ซึ่งตอนนั้นตนเองก็พยายาม ถามหาเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวมาโดยตลอด ทั้งติดต่อไปตามธนาคารต่างๆเพราะคิดว่าบ้านหลังดังกล่าวอาจจะถูกยึดเป็นของธนาคาร และไปติดต่อที่กรมที่ดิน จนทราบว่า บ้านหลังนี้มีเจ้าของ ตนเองก็ไปตามหาเจ้าของตามที่อยู่ แต่ก็ไม่เจอ ซึ่งตนเองอยากได้บ้านหลังดังกล่าวมาก

ประกอบกับสภาพบ้านตอนนั้น มีต้นไทรและต้นกล้วย ส่วนด้านหลังก็ติดกับป่ากก วันดีคืนดีก็มีงูเข้ามาตายในบ้านและส่งกลิ่นเหม็นรบกวนไปทั่ว เวลาหน้าฝนลมแรงเศษกระเบื้องก็เคยตกลงมาจะโดนหัวคน

ตนเองจึงต้องเข้ามาซ่อมแซมบ้านหลังนี้ เพราะเห็นว่ามันเก่าทรุดโทรมและเสี่ยงอันตรายมาก จึงรื้อต้นกล้วย ต้นไทรตรงหน้าบ้านออกและต่อเติมหลังคาเพิ่มขึ้นมาด้านหลังทำเป็นครัว แต่ไม่ใช่ครัวถาวร ส่วนบันไดไม้ตนเองก็ฉีดปลวกให้ ส่วนชั้น 2 ก็ปล่อยไว้เฉย ๆ ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร แต่ก็ซ่อมหลังคาที่รั่วให้

คุณนุ บอกว่า ตนไม่ได้ต้องการจะเรียกร้องค่ารีโนเวทบ้าน และยินดีย้ายออก ซึ่งวันนี้ก็มีการทยอยย้ายของออกจากบ้านหลังดังกล่าวแล้ว และพร้อมเจรจากับเจ้าของบ้านตัวจริง โดยขอถามกลับ 3 ข้อ

1. จะขอบ้านคืนใช่ไหม ถ้าจะขอบ้านคืนยินดีย้ายของออกให้ ซึ่งวันนี้ก็ย้ายของออกหมดแล้ว

2. จะให้เช่าบ้านหลังนี้ไหม ถ้าให้เช่า ตนเองก็ยินดี

3. หรือจะขายบ้านหลังนี้ไหม ราคาเท่าไหร่ ตนเองพร้อมขอซื้อ แต่ขอเป็นราคาที่เหมาะสม

ที่ผ่านมา ตนเองก็รอทางเจ้าของบ้านกลับมาแสดงตัว พูดคุยและตกลงกันก่อน ไม่คิดว่าจะเป็นข่าวขนาดนี้ และมีหลายประเด็นก็ไม่ตรงกับความจริง เช่นที่บอกว่า ตนเองจะเก็บค่าต่อเติมค่าดูแลบ้านก็ไม่เป็นความจริง ตอนนี้ขอแค่ให้มาพูดคุยกันก่อนตาม 3 ข้อที่ถามไป

ขณะที่ นายสุรศักดิ์ ภู่นาค ทนายความ ทางฝั่งผู้ถูกกล่าวหาเปิดเผยว่า ตนเองหลังจากได้รับการติดต่อจากคุณนุ ลูกความ ก็สอบถามข้อเท็จจริงที่ได้ คือ ลูกความยอมรับว่าเข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ดินและบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งลูกความมีความประสงค์จะขอซื้อบ้านหลังดังกล่าว พร้อมที่จะพูดคุยเจรจา แต่ปัญหาคือ สองฝ่ายยังไม่ได้พูดคุยกันโดยตรง ซึ่งก็มีทางออกในเรื่องนี้อยู่แล้ว มองว่า ไม่จำเป็นต้องใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย จะฟ้องร้องคดีอะไรกัน



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/etLk6Dfhuto

คุณอาจสนใจ

Related News