สังคม

เช็กบิลย้อนหลัง! พศ.จ่อเอาผิด ‘หมอปลา’ บุกค้น 8 วัด ชี้ไม่ควรใช้ศาลเตี้ยตัดสิน

โดย thichaphat_d

18 พ.ค. 2565

120 views

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พิจารณาตรวจสอบอีก 8 วัด ที่หมอปลาเข้าตรวจสอบตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาหลังจากกรณีที่ 'หมอปลา' เข้าไปที่พักสงฆ์ดงสว่างธรรม อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร ตรวจสอบหลวงปู่แสงปมลวนลามผู้หญิง

นายสิทธา มูลหงษ์ โฆษกพศ. เปิดเผยผลการประชุมคณะผู้บริหารพศ. เบื้องต้นพบว่า มี 8 วัด ที่หมอปลาเข้าตรวจสอบตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา อาทิ วัดที่ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา และที่ หนองปรือ จ.ชลบุรี โดยทางนิติกรได้รวบรวมหลักฐานไว้หมดแล้ว กำลังพิจารณาว่า เข้าข่ายความผิดกฎหมายฉบับไหนบ้าง ทั้งประมวลกฎหมายอาญา, พ.ร.บ.คณะสงฆ์, พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วย

ส่วนเหตุการณ์ที่หมอปลา เข้าไปที่พักสงฆ์ป่าดงสว่างธรรม จ.ยโสธร ตรวจสอบหลวงปู่แสง และมีผอ.พศ.จ.ยโสธร ร่วมไปด้วยนั้น ล่าสุดทางผู้อำนายการ พศ.ยโสธร ได้ชี้แจงรายละเอียด มาเรียบร้อยแล้ว

ด้านทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ผู้ริเริ่มทนายกองทัพธรรม เปิดเผยว่า หลังจากที่มีกรณีที่หมอปลา เข้าไปภายในสำนักสงฆ์ดงสว่างธรรม ก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย เช่น คณะศิษยานุศิษย์ที่จังหวัดยโสธรได้แจ้งความดำเนินคดีกับหมอปลา

ขณะเดียวกันสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ก็รวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับหมอปลา หลังพบว่า มี 8 วัดที่หมอปลาบุกตรวจสอบ หนึ่งในนั้นก็มีบุกวัดห้วยจรเข้ จ.นครปฐม ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการเช็คบิลย้อนหลัง เพราะทุกครั้งที่เข้าไปไม่มีกฎหมายรองรับ ไม่ว่าจะเป็นการบุกรุกกุฏิ มีการถ่ายทำ เผยแพร่ ใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพ ต่อพระสงฆ์หลายรูป บางครั้งสำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง


เนื่องจากทางวัดเองมีสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ และมีมหาเถรสมาคม เป็นผู้ดูแลอยู่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามพระธรรมวินัย แต่การที่ไปบุกรุกไม่ใช่ผู้รู้กฎหมาย และที่บุกรุกเข้าไป เรียกว่าเป็นกฎหมู่ ไม่ใช่กฎหมาย สิ่งสำคัญคือการใช้ศาลเตี้ยไปตัดสิน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

ทนายอนันต์ชัย ยังกล่าวอีกว่า ในความผิดของพระที่ผิดจริง ต้องแยกออกจากกัน ต้องว่าไปตามพระธรรมวินัยที่สำนักพุทธ กับ มหาเถรสมาคม ซึ่งมีลำดับชั้นของหน้าที่รับผิดชอบอยู่แล้ว ต้องว่าไปตามกระบวนการ ส่วนที่ทำไปแล้ว มันเป็นความผิดต่างหาก ต้องแยกออกจากกัน เป็นความผิดต่ออาญาแผ่นดิน

ทนายอนันต์ชัย ยังกล่าวถึงการตั้งทนายกองทัพธรรม ขึ้นมาเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา เพราะเห็นว่าการกระทำของหมอปลาซึ่งมีนักกฎหมายร่วมด้วยนั้นไม่ถูกไม่ควร ตนจึงประกาศตัวเองว่า ตนจะเป็นทนายกองทัพธรรม หลังจากที่ประกาศออกไปก็มีทนายที่จะมาเป็นจิตอาสาช่วยปกป้องศาสนาจำนวนมาก

โดยหลักการของทนายกองทัพธรรม มีแนวทาง 4 ข้อคือ

1.ดูแลพระพุทธศาสนา

2.รักษาให้คงอยู่ต่อไป

3.ปกป้องไม่ให้ใครมาทำลาย

4.กำจัด พระนอกรีด หรือพระที่เข้ามาทำร้ายพระพุทธศาสนา
ทำอย่างบูรณาการร่วมกับพระพุทธศาสนาร่วมถึงมหาเถรสมาคม

นอกจากนี้ หากวัดใดไม่มีนักกฎหมายเลย ตนเองและทนายกองทัพธรรม จะเข้าไปร่วมทำให้วัดต่างๆมีความเข้มแข็งขึ้น จะได้รู้ว่ายังมีกฎหมายปกป้อง อยู่ แต่อีกมุมหนึ่ง ทนายกองทัพธรรมต้องปรามพระนอกรีด ที่ทำผิดพระธรรมวินัยด้วยเช่นกัน หากตักเตือนไม่ได้ก็ต้องสึก หากทำอย่างที่เคยเป็นมาจะเป็นเหมือนดาบสองคม เนื่องจากคนจะเสื่อมความศรัทธาพระพุทธศาสนา เราต้องทำตามระบบ ทำไปตามขั้นตอน

อย่างไรก็ตามทนายอนันต์ชัยยังประกาศเชิญชวน ทนายความอาสาทั่วประเทศ ที่มีจิตรอาสา มาช่วยเหลือพระพุทธศาสนา และเป็นขุมพลังเครือข่ายทนายกองทัพธรรมด้วย

ส่วนกรณีที่มีทนายความคนหนึ่งคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์กล่าวหาตนว่าหิวแสงในเรื่องนี้นั้น ตนเองอยากจะด่าแต่ขอไม่ด่าดีกว่า เนื่องจากตนกำลังจะทำในสิ่งที่ดี เพราะทนายกองทัพธรรมทำเพื่อสาธารณะประโยชน์ของพระพุทธศาสนาของแผ่นดิน ไม่ได้ทำเพราะหิวแสง หรืออยากได้ชื่อเสียง

คุณอาจสนใจ

Related News