พูดหมด! แม่เผยความอัดอั้น ลูกถูก #รุ่นพี่ราดซีม่า เดินหน้าเอาเรื่องถึงที่สุด ขณะที่นายอำเภอยันไม่ได้โทรข่มขู่

กรณีน้องภูผาวัย 9 ขวบ ที่ถูกรุ่นพี่ราดซีม่าจนเป็นแผลพุพอง ล่าสุดแม่ยืนยันดำเนินคดีกับครูและรุ่นพี่ถึงที่สุด ขณะที่ทวิตเตอร์ดุเดือดต่อว่า ผอ.ไม่สนในอาการเด็ก

นางจินตนาพร วาชะอุ้ม แม่น้องภูผา เปิดใจในรายการโหนกระแส ยืนยัน ว่า ทางโรงเรียน ได้ติดต่อมาช่วยเหลือหลังจากที่เป็นข่าวแล้ว โรงเรียนไม่คิดที่จะนำลูกชายส่งโรงพยาบาลทั้งที่เป็นแผลเต็มตัว และลูกชายก็ถูกรุ่นพี่ 2 คนทำร้าย แต่ ผอ.โรงเรียน กลับบอกว่า รุ่นพี่เอาซีม่า มาช่วยเช็ดหิดให้

อีกทั้งโรงเรียนยังขอร้องไม่ให้ตนออกมาออกรายการ อ้างว่าไม่อยากให้โรงเรียนเสียชื่อเสียง อยากถามว่าระหว่างชีวิตเด็กกับหน้าตาของโรงเรียนอะไรสำคัญกว่ากัน

นายศักดิ์ชัย สุวรรณราช ผอ.โรงเรียน ยอมรับว่า วันเกิดเหตุ ทางโรงเรียนประชุมเพื่อเตรียมรับ ส.ว. และเห็นว่าเด็กอาการไม่รุนแรงจึงไม่ได้ส่งโรงพยาบาล

ซึ่งก่อนปิดรายการคุณหนุ่ม ได้ฝาก ผอ.ไว้ 2 เรื่องด้วยกัน คือ "ชีวิตเด็กสำคัญกว่า สว. และผมอยากให้ท่านห่วงเด็กมากกว่า ห่วงหน้าตาของโรงเรียน"

หลังเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ปรากฎว่า ติดแฮกแทกในทวิตเตอร์ อาทิ "ชอบคุณแม่มาก คือสตรองและฉลาดมาก อัดเสียงไว้ เปิดลำโพงด้วยอีก และชอบประโยคนี้ของคุณแม่ "ท่านอย่างดูถูกคนจนอย่างหนูสิคะ" ปรบมือให้คุณแม่แรงๆ ฟาดเลยคะคุณแม่#รุ่นพี่ราดซีม่า#โหนกระแส

อีกข้อความ แม่น้องที่โดนรุ่นพี่ราดซีม่าใส่ คือสุดมากอะออก#โหนกระแส แล้วคุณหนุ่มถามว่ามีอะไรอยากถาม ผอ.มั้ยคุณแม่ถามเลยว่า ท่านคิดจะปกป้องโรงเรียนแต่ไม่สนใจชีวิตเด็กคนหนึ่งเลยใช่มั้ยคะ ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นกระแสร้อนแรงในสื่อออนไลน์ในชั่วข้ามคืน

ส่วนอาการของน้องภูผาตอนนี้ พบว่า แผลตามร่างกายที่พุพองเริ่มแห้งลง แต่ที่ยังน่าเป็นห่วงตรงอวัยวะเพศ และขาหนีบที่ยังมีน้ำเหลืองอยู่ แต่ก็ดีขึ้นตามลำดับ

ขณะที่ ผอ.และ คณะครู มาที่โรงพยาบาล และทำเรื่องย้ายไปยังห้องพิเศษ ซึ่งทางโรงเรียนจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งค่าห้อง และค่ารักษาพยาบาล โดย ผอ.เผยรู้สึกกังวลหลังรู้ว่าแม่เด็ก ยืนยันที่จะแจ้งความ พร้อมกับบอกถึงผลสอบสวนนักเรียนพี่เลี้ยงว่า รู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่ไปทาซีม่าที่ตัวน้อง ส่วนครูนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนว่า ทำไมไม่นำเด็กส่งโรงพยาบาล หากพบก็จะดำเนินการเอาผิดตามระเบียบ

ส่วนประเด็นที่แม่เด็กให้สัมภาษณ์กล่าวหา อ้างมีนายอำเภอโทรมาให้ยุติการแจ้งความ ล่าสุด นายนิรันดร์ ปราบอักษร นายอำเภอเขาพนม กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้นตนมองเป็น 2 ประเด็น คือ เรื่องของคดีความที่จะต้องมีการสืบสวนกันระหว่างเรื่องเด็กถูกทำร้าย และครูที่ไม่นำส่งเด็กไปโรงพยาบาล ส่วนระยะยาว คือ การที่จะทำอย่างไรให้เด็กอยู่ได้ เพราะครอบครัวนี้มีฐานะลำบาก พ่อแม่แยกทางกัน จึงนำลูกมาเข้าโรงเรียนขยายโอกาสที่ให้ความช่วยเหลือครอบครัวที่ลำบาก

ซึ่งเบื้องต้นได้หาแนวทางโดยให้นายจ้างของพ่อประสานพ่อเด็ก และให้ทางโรงเรียนได้ร่วมกันหาทางแก้ไขปัญหา โดยตนในฐานะนายอำเภอ ก็จะหาแนวทางช่วยเหลือ แต่ทั้ง 2 ฝ่ายไม่มาก็จบไป แต่ปรากฎว่า แม่ของเด็กออกมาพูดกล่าวหาตน กรณีที่ได้โทรศัพท์ติดต่อไปให้ยุติแจ้งความและขุ่มขู่ ซึ่งตนยืนยันไม่ได้โทรไปข่มขู่ใดๆ เลย ซึ่งขณะนี้กำลังหาแนวทางอยู่ว่าจะดำเนินอย่างไรต่อ อาจจะแจ้งความดำเนินคดีกับแม่เด็กก็เป็นได้

ขณะที่ แม่ของเด็ก ตอนนี้กำลังเตรียมแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่ทั้งนี้ต้องขอให้ทางแพทย์เข้ามาดูอาการของลูกก่อน อาจจะเป็นช่วงบ่ายวันนี้ แต่ยืนยันว่าจะเอาเรื่องแน่นอน เนื่องจากได้หารือกับนักกฎหมายไว้แล้ว