สังคม

เจ้าอาวาสยืมสีกา 9 ล้าน วางโบสถ์ค้ำประกัน หลวงพ่อปัดยืม ไม่มีสัญญากู้ อดีตลูกศิษย์แฉหมกเม็ดเงินกฐิน

โดย nicharee_m

5 ก.ย. 2567

269 views

ชาวบ้านวอนขอเงินคืน เจ้าอาวาสยืม 9 ล้านไม่คืนบอกให้ไปยึดโบสถ์ หลวงพ่อโต้ไม่ได้ยืม โดนบังคับเซ็นรับหนี้ เงินที่ชาวบ้านให้มาก็เป็นเงินทำบุญ อดีตลูกศิษย์แฉวีรกรรมยักยอกเงิน ลั่นไม่นับถือแล้ว

วันนี้ 5 ก.ย.2567 รายการโหนกระแส ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้จัดรายการในตอน หลวงตางานเข้า ยืมเงินชาวบ้าน 10 ล้าน เอาโบสถ์ค้ำ ยันใช้คืนทีละ 3,000 บาท ทั้งนี้สืบเนื่องจากกรณีที่ โยมร้องเจ้าอาวาสยืมเงินกว่า 10 ล้าน ไม่ยอมคืน ก่อนพูดอยากได้เงินคืนก็เอาโบสถ์ไปเลย โดยมีผู้ร่วมรายการประกอบด้วย กอ-จุ๋ม ผู้เสียหาย, ก๊อง อดีตลูกศิษย์คนสนิทเจ้าอาวาส, นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล รองประธานคณะกรรมการเผยแพร่กฎหมายสภาทนายความ

โดย กอ ผู้เสียหายได้เล่าว่า วันหนึ่งเจ้าอาวาสก็มาพูดกับตนว่าเดือนนี้เดือดร้อนเรื่องเงินจึงอยากจะขอยืมก่อน โดยใช้คำพูดว่าให้โยมออกไปก่อน มีทั้งโอนเงินให้และให้เงินสด และโอนไปในบัญชีส่วนตัวของเจ้าอาวาส พอถามว่าทำไมถึงให้โอนไปในบัญชีส่วนตัวก็ได้คำตอบว่าถ้าโอนเงินไปในบัญชีของวันจะมีความยุ่งยากว่า ตนก็ให้ยืมไปเรื่อยๆ เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็ได้คืนและอยากจำทำบุญด้วย เงินส่วนมากที่ถูกยืมไปมักจะได้รับคำอ้างว่า จะเอาไปใช้ในการบูรณะวัด

เงินที่ให้ยืมไปมาจากเงินส่วนตัวและเงินของที่บ้านที่ฝากมาทำบุญ โดยได้จากการค้าขายจากธุรกิจครอบครัว และจำนวนเงินที่ถูกยืมไปทั้งหมดจำนวนเต็ม 15 ล้านบาท แต่ทางเจ้าอาวาสได้ขอคืนแค่ 9.2 ล้าน และจะคืนเป็นก้อนใหญ่ทีเดียว พร้อมทำสัญญายอมรับหนี้ หลังจากทำสัญญาเสร็จได้มีการคืนเงินมา 3,000 บาท พอไปถามเงินคืนเพิ่มก็โดนทำร้ายร่างกายกลับมา

ด้าน ก๊อง อดีตคนสนิทเจ้าอาวาส ได้เล่าว่า เงินค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ได้มาจากงานกฐินมักจะหมดในวันเดียวเพราะเอาไปจ่ายหนี้หมด และยังชอบค้างค่าไฟหลายๆ เดือนให้การไฟฟ้ามายกหม้อไฟไป แล้วจะโทรไปหาให้โยมเป็นคนจ่ายค่าไฟให้

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้าอาวาสชอบให้เอาเงินไปเข้าธนาคารบัญชีส่วนตัว ครั้งละเยอะๆ และโอนให้กับผู้หญิง ที่ไม่ใช่ญาติสองคน เคยถามว่าให้ใคร แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบกลับมา แต่พอมีแอพธนาคารตนก็ได้รับหน้าที่แค่ไปเอาเงินเข้าบัญชีเท่านั้น และมีอยู่ครั้งหนึ่ง มีการจัดงานกฐินขึ้น และมีการนับเงิน เจ้าอาวาสก็เรียกตนให้มาเอาเงินไปใส่ถุงผ้าเพื่อจะเอาไปใช้หนี้จำนวน 1 แสนบาท แต่พอเอาไปให้เจ้าหนี้แล้วมันไม่ครบ พอไปถามเจ้าอาวาสกลับโยนบาปใส่ร้ายตน

ด้าน เอกภพ เหลืองประเสริฐ ล่าสุดได้ดำเนินการกับเจ้าคณะในพื้นที่ไปแล้วท่านก็แนะนำให้ไปแจ้งความเพื่อจะได้ตรวจสอบตัวผู้ถูกกล่าวหา ส่วนเงินนั้นที่มีการอ้างว่าใช้ในการทำบุญต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ถ้าเงินเข้าสู่บัญชีวัดตัวผู้ถูกกล่าวหาจะไม่มีความผิดถ้าตรวจสอบไปแล้วเงินไปอยู่ในบัญชีของเจ้าอาวาสคนดังกล่าว ก็มีโทษสูง

ด้านความเห็นของทนายแก้ว เผยว่า หลักฐานสลิปโอนเงินจะไม่สามารถฟ้องได้เพราะเป็นเหมือนกับการโอนเงินไปทำบุญ แต่ถ้ามีสัญญายืมหรือการทำหลักฐานสัญญายอมรับก็จะสามารถฟ้องได้ แต่โบสถ์นั้นไม่สามารถเอาไปค้ำหนี้ได้เพราะเป็นของวัดไม่ใช่ของส่วนตัว ตามเหตุการณ์นี้ถือเป็นการกู้ยืมส่วนตัว และตัวผู้เสียหายสามารถฟ้องได้ตามที่สัญญากันไปมันเลยกำหนดคืนแล้ว และถ้ามีการคุกคามก็สามารถไปแจ้งได้เช่นกัน ตัวผู้กระทำผิดอาจจะมีโทษข้อหา ยักยอกทรัพย์ และฉ้อโกง มีโทษจำคุก

และในช่วงออนไลน์ได้โฟนอินกับ พระอธิการสมบรูณ์ เจ้าอาวาสวัดพืชอุดม โดยได้อ้างว่าเรื่องยืมเงินต้องมีหลักฐานกู้ยืมมาก่อนที่จะกล่าวหากัน ที่เซ็นยินยอมรับหนี้ไปวันนั้นเพราะมีคนจะจ่ายให้และได้รับการข่มขู่จึงเซ็นยอมรับหนี้ไป และเอกสารพินัยกรรมเขียนไว้เพราะตนไม่มีเงินถ้าตายไปแล้วอะไรที่เป็นของส่วนตัวก็ยกให้ไปตามที่เขียน เงินที่ให้ผู้หญิงตามที่โดนกล่าวหามาเพราะเป็นคนที่ต้องการความช่วยเหลือจึงยกให้ เรื่องค่าน้ำค่าไฟก็จ่ายไปตามกำหนด มีโยมอาสาที่จะจ่ายให้เอง ถ้าผิดจริงๆ แล้วแต่คณะสงฆ์จะว่ายังไง ที่เขาให้เขาก็ทำบุญตนไม่ได้ยืมไม่เคยยืมเงิน ตนไม่ได้รู้สึกกังวลใจอะไร ยืนยันตอนนี้จะไม่สึก

คุณอาจสนใจ

Related News