สังคม

สาวร้องถูกหนุ่มหล่อหลอกซื้อรถ ตีสนิทจนเป็นแฟน รู้ตัวอีกทีสูญเงิน 6 ล้าน ฝ่ายชายโต้ ผมไม่ใช่มิจฉาชีพ

โดย JitrarutP

16 ต.ค. 2566

1.1K views

วันที่ 16 ต.ค. 66 รายการโหนกระแสพูดคุยกับ แคท ผู้เสียหาย, ทนายแก้ว มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล พร้อมสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ เอ็ม (นามสมมติ) คู่กรณี หลังผู้เสียหายร้องถูกหนุ่มธุรกิจรถเช่า บุคลิกดี แต่งตัวเนี๊ยบ หลอกให้รัก รู้ตัวอีกทีสูญเงิน 6 ล้าน ด้านฝ่ายชายโต้ ไม่ใช่มิจฉาชีพ

คุณแคท ผู้เสียหายเล่าว่ารู้จักผู้ชายชื่อเอ็มจากการที่เราลงทุกขายรถยุโรปมือสอง คุณเอ็มเป็นลูกค้ามาซื้อรถบีเอ็ม เขาดูเนี้ยบ แต่งตัวดี ใส่น้ำหอมมาเยอะๆ เขาบอกว่าต้องออกรถแต่ว่าตัวเองติดบูโร ต้องใช้ชื่อน้องอีกคนออกแทน เป็นผู้หญิงชื่อว่านวล(นามสมสมติ)  ปรากฏว่าตอนที่จะออกรถ นวลมีปัญหาเรื่องบัตรเครดิต ทางเต็นท์ต้องจ่ายเงินปิดบัตรให้ก่อน แล้วเอ็มก็กลับมาซื้อรถบีเอ็มตามที่สัญญาไว้

เอ็มบอกว่า เงินส่วนที่เต็นท์จ่ายไปก่อน เดี๋ยวจะจ่ายเงินแทนนวล เพราะเขาเป็นคนซื้อรถคันนี้เอง แค่ใช้ชื่อนวลเป็นชื่อคนซื้อเท่านั้น คุณเอ็มยังมาชวนคุย ถามเรื่องรถ เหมือนสนใจจะซื้อรถเพิ่มอีกหนึ่งคัน เป็นรถเบนซ์ E300 สีขาว โดยจะใช้ชื่อของนวลเหมือนเดิม  โดยคันที่สองนี้ เขาออกโดยที่ค้างเงินดาวน์ 92,000 บาท แล้วยังมาขอยืมเงินคุณแคทไปจ่ายค่าอะไรสักอย่าง 24,000 บาท เราก็ให้ แล้วปล่อยรถให้เขาไป เพราะมองว่าส่วนที่เขาค้างเป็นส่วนของกำไรอยู่แล้ว ยังไงเขาก็กลับมาซื้อรถอีก

หลังจากนั้น เขายังมาขอยืมเงินเราไป 1 แสนบาท หลังจากนั้นก็ยังไลน์มาอีกว่าต้องใช้ด่วนอีก 8,000 บาท คือยืมบ่อย ยืมถี่ แต่ก็ให้หลักฐานว่าเดี๋ยวจะได้เงินก้อนมาคืนให้ ให้คุณแคทจดไว้ได้เลยว่าค้างอยู่เท่าไหร่ สุดท้ายเงินทั้งหมดที่เขายืมเราไปในช่วงแรกที่เพิ่งเริ่มรู้จักกัน อยู่ที่ประมาณ 5 แสนบาท

ต่อมาเขาก็เริ่มมาคุยเรื่องส่วนตัวกับเราเยอะขึ้น เปลี่ยนจากเรื่องงาน ขยับเข้าหาเหมือนจะจีบเราชัดเจนขึ้น บอกว่าอยากดูแล พอรู้ว่าเรามีปัญหากับหุ้นส่วน เขาก็เชียร์ว่าให้ออกมาเลย เขาจะช่วย จะร่วมหุ้นกับเรา ตอนที่เราออกมาทำเอง เขามาช่วยทุกอย่าง มาทาสีให้ มาจัดการ เลือกเฟอร์นิเจอร์ ช่วยสกรีนพนักงานให้

สิ่งที่ซื้อใจเราได้มากๆ คือพี่สาวเราเป็นผู้พิการ ไปโรงพยาบาล ไม่มีคนไปรับ เขาอาสาไปรับพี่สาวเรา อุ้มขึ้นบ้าน ดูแลดีทุกอย่าง เราคิดว่าเราโชคดีจริงๆ เพราะไม่เคยมีใครดูแลเราขนาดนี้ แต่ในคืนนั้นเองที่เขารับพี่สาวเรา เขาก็มีเหตุเดือดร้อนเรื่องเงินอีก มาขอให้เราปิดบัตรเครดิตให้อีก 3 แสน

มาถึงตอนนี้นับตั้งแต่วันแรกที่รู้จักผ่านมาประมาณ 2 เดือน สิ่งที่เขาทำก็ทำให้เราก็ชอบเขาแล้ว ไว้ใจ และตัดสินใจคบหากันเป็นแฟนแล้ว เขาวาดอนาคต ขายฝันกับเราทุกอย่าง เอาพานมาไหว้แม่เราเพื่อขอดูแลเรา

ช่วงที่เป็นแฟนกัน เขาก็บอกว่ามีเรื่องต้องใช้เงินเยอะมาก ต้องเติมน้ำมันรถเช่าทุกวัน เขาซื้อบ้านไว้หลังหนึ่ง บอกว่าต้องแต่งบ้าน อะไรต่างๆ นานา มีการส่งรูป ส่งหลักฐานให้เราดู มารู้ทีหลังว่าเขาก็ส่งหลายๆ รูปให้ผู้หญิงคนอื่นเพื่อหลอกลวงเช่นเดียวกัน

สรุปแล้ว เราเสียเงินโอนให้เขาไป 3 ล้านกว่าบาท แต่ที่รวมไปกับความเสียหาย ที่เราต้องยอมขายรถขาดทุนเพื่อหาเงินมาปิดหนี้ที่เกิดจากเขา มีค่าใช้จ่ายตอนที่เป็นแฟนกันที่เขาสัญญาจะออกให้ แต่ให้เราจ่ายเงินไปก่อนทั้งของแบรนด์เนม ทำศัลยกรรม อีกประมาณ 2 ล้านกว่าบาท รวมแล้วเกือบๆ 6 บ้านบาท

ส่วนคนชื่อนวลที่เขาใช้ชื่อมาออกรถให้ในตอนแรก เขาบอกว่าเป็นรุ่นน้อง แต่มารู้ทีหลังว่าคนชื่อนวลก็เคยคบหากับนายเอ็ม แล้วก็น่าจะเป็นผู้เสียหายอีกคนหนึ่งเหมือนกัน

ต่อมานายเอ็มโฟนอินเข้ามาชี้แจงในรายการ ในส่วนที่เอ็มยืนยันว่าไม่จริง คือยอดหนี้ที่ตนติดค้างคุณแคท มันไม่ถึง 6 ล้านบาท เขาเอายอดหนี้มารวมเกินความจริง โดยเฉพาะที่เขาบอกว่าเขายอมขายรถขาดทุน แทนที่จะบวกเฉพาะส่วนต่างที่ขาดทุน กลับเอาราคารถทั้งคันมาบวกรวมในยอดหนี้ ถ้านับเฉพาะตามสลิปโอน เงินที่ตนติดเขาแค่ล้านเศษๆ ซึ่งในประเด็นนี้คุณแคทแย้งว่าไม่จริง เพราะเวลาเราลงบัญชี เราก็ลงเฉพาะยอดส่วนต่างที่ขาดทุน ไม่มีการเหมารวมยอด

เอ็มยืนยันว่าไม่มีเจตนาหลอกลวง สร้างเรื่อง อย่างเรื่องที่เอ็ม ส่งรูปโต๊ะทำงาน แล้วบ่นว่าพนักงานบัญชีทำผิดพลาดตลอด แต่สุดท้ายไม่ใช่โต๊ะทำงานเอ็มจริงๆ เป็นรูปที่หามาจากที่อื่น เอ็มยืนกรานว่าแคทรู้แต่แรกแล้วว่าโต๊ะทำงานเขาเป็นแบบไหน เพราะเคยวิดีโอคอลคุยกันตั้งแต่แรกๆ จะมาบอกว่าตนหลอกได้อย่างไร

แต่ที่มีตนเซ็นสัญญารับสภาพหนี้ 6 ล้าน จะทยอยจ่ายครั้งละ 6 แสนบาท ตนก็ยอมเซ็น เพราะคนเราเลิกกัน เลิกกันด้วยดี คนใกล้ตัวเขาเอาสัญญามาให้ตนเซ็น ตนก็เซ็น ยอมรับว่าเซ็นเอง และเอ็มก็ทยอยจ่ายหนี้คืนเขามาเรื่อยๆ

คุณแคทบอกว่า เขาทยอยคืนมาช่วงแรกๆ ก็คืนหลักแสน แต่หลังๆ เริ่มจะเหลือสัปดาห์ละไม่กี่พันบาท เดือนละหมื่น ไม่ถึงหมื่นก็มี แต่ถ้าคุณเอ็มบอกว่ามีหลักฐาน ก็เอาบัญชีมาเปิดกระทบยอดกันได้เลย เพราะเราก็มีหลักฐานของเราเหมือนกัน

ขณะที่ทนายแก้ว ชี้ว่า ถ้าเอ็มยอมรับเองว่าเซ็นรับสภาพหนี้ และมีตัวเลขระบุไว้หมด ถ้าเอ็มไม่พอใจตัวเลข บอกว่ายอดหนี้มันไม่ตรง เอ็มก็มีสิทธิ์ไม่เซ็นได้ แต่นี่เอ็มเซ็นไปแล้ว ฉบับแรกเซ็นปี 65 ถ้าตอนนั้นว่าไม่ยุติธรรมแล้ว แล้วปี 66 เอ็มก็ยังเซ็นสัญญาอีกฉบับ แล้วในวันนี้เอ็มมาเรียกร้องคือต้องการอะไร

เอ็มบอกว่าจะขอชดใช้แค่ยอดหนี้ที่ค้างจริงในมุมของตนเท่านั้น เพราะไม่พอใจที่แคทไปกล่าวหาว่าเอ็มเป็นมิจฉาชีพ เพราะทำให้ตนเสียหายอย่างมาก เอ็มยังประกาศว่า ได้นัดหมายกับทนายเกิดผลไว้แล้ว ว่าจะไปฟ้องกลับแคทแล้ว แล้วจะจัดแถลงข่าวในมุมของตน เพราะตอนนี้คนทั้งประเทศเห็นแต่หลักฐานในมุมแคท แต่ไม่มีใครมาเห็นหลักฐานในมุมของตนเลย

ต่อมามีคนชื่อเจี๊ยบ ติดต่อเข้ามาทางเพจโหนกระแส แสดงตัวว่า เป็นเพื่อนสนิทของแคท แคทมากู้เงินตนไปหลายล้าน เพื่อเอารถมาขาย หาเงินมาใช้หนี้ ตนติดตามทวงเงินอยู่เรื่อยๆ แคทก็ทยอยคืน จนล่าสุดเหลือเงินแค่ 2 ล้าน  ตอนแรกแคทไม่ยอมมาบอกเลยว่าที่มีปัญหาเรื่องเงิน เพราะว่าเอาเงินไปให้เอ็ม มาตามจนรู้ภายหลังว่า แคทเองก็เดือดร้อนเพราะเอ็มไม่ยอมจ่ายหนี้ ยอมรับว่าตอนแรกก็โกรธแคท ที่จะทำธุรกิจ จะทำอะไรกับคนอย่างเอ็มไม่มาปรึกษาเลย ทั้งที่เราสนิทกัน และขอความชัดเจนจากแคทด้วย ว่าจะเอาเงินมาคืนอย่างไร



ส่วนแคทยืนยันว่า แคทไล่เบี้ยเอาเงินคืนจากเอ็ม แต่ต่อให้เอ็มไม่คืน แคทก็จะทยอยคืนให้เจี๊ยบอยู่ดี เราไม่ได้หนีหายไปจากไหน และเราก็ติดต่ออัปเดตกับเจี๊ยบตลอด



สุดท้ายเอ็มก็ยังยืนกรานว่าจะไม่จ่ายเงินทั้งหมด จะจ่ายแค่บางส่วนที่ตนมีหลักฐาน เพราะแคทไปกล่าวหาว่าตนเป็นมิจฉาชีพ

ทนายแก้วสรุปในแง่มุมกฎหมายว่า เมื่อเขาเซ็นสัญญารับสภาพหนี้แล้ว ถือว่าความผิดอาญาไม่เกี่ยวข้องแล้ว แคทต้องไปฟ้องเอาผิดทางแพ่ง ซึ่งก็ต้องเอาหลักฐานมาดูกัน



คุณอาจสนใจ

Related News