สังคม
รองอธิบดีกรมขนส่งฯ คาดปมไฟไหม้รถบัส เพลาหัก เพราะบรรทุกน้ำหนักเกิน ชี้จะติดก๊าซกี่ถังขึ้นอยู่กับสมรรถนะรถ
โดย panisa_p
7 ต.ค. 2567
166 views
รองอธิบดีกรมขนส่งฯคาดปมไฟไหม้รถบัสมรณะ เพลาหัก เหตุบรรทุกน้ำหนักเกิน ชี้จะติดก๊าซกี่ถัง ขึ้นอยู่กับสมรรถนะรถ แต่สเป็กคันไฟไหม้ต้องไม่เกิน 5-6 ถัง
7 ต.ค. 2567 ที่รัฐสภา นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา แถลงผลภายหลังการประชุม เพื่อพิจารณากรณีเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษานักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง ประกอบด้วย กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม กระทรวงศึกษาธิการ และ สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนนมูลนิธินโยบายถนนปลอดภัย
โดยนายวุฒิชาติ กล่าวว่า ในการประชุมได้มีการและรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า สาเหตุมาจากอะไร ซึ่งได้มีการหารือเรื่องเชื้อเพลิงว่า ต่อไปคงต้องมีการกำกับดูแลให้เป็นไปตามมาตรฐาน และใช้มาตรการเชิงรุก และกรมการขนส่งทางบก ก็เห็นตรงกันว่า จะใช้วิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสในการปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัย ให้สูงขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น เพื่อลดการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้น้อยที่สุด
ส่วนกรณีการเปรียบเทียบรูปรถและประตูฉุกเฉินด้านนอกนั้น กมธ.มองว่า การติดตั้งในลักษณะดังกล่าวที่อยู่สูงถึง 2 เมตร อาจจะต้องมีการปรับให้คนภายนอกสามารถเปิดได้ ซึ่งควรจะมีความสูงอยู่ที่ 1.2-1.5 เมตรแทน เนื่องจากหากเกิดอุบัติเหตุ บุคคลภายนอกที่พบเห็นจะได้สามารถช่วยเหลือได้ทันที
สำหรับอายุการใช้งานของรถบัสที่มีข้อแตกต่างจากรถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไป กมธ.เห็นว่า รัฐควรมีการกำหนดว่าการครอบและโครงคัสซี่ควรจะมีการใช้งานเท่าไหร่ มีการเปลี่ยนตัวถังได้ไม่เกินกี่ครั้ง เนื่องจากข้อมูลที่ได้รับ รถบัสคันดังกล่าวมีการใช้งานมาแล้ว 54 ปี รวมถึงมีการเปลี่ยนตัวถังด้วย แม้สภาพภายนอกจะดูใหม่ แต่อาจจะมีอุปกรณ์บางส่วนไม่ได้การซ่อม
ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบก จะมีการออกคำสั่งให้รถโดยสารเข้ามาตรวจสภาพภายใน 60 วัน และติดตามผู้ประกอบการจากบรรดาผู้ประกอบการที่อยู่ในเงื่อนไข เพื่อป้องกันการดัดแปลงสภาพก่อนการตรวจสอบ
สำหรับการดำเนินการกับผู้ประกอบการนั้น กรมขนส่งทางบก จะเร่งรัดดำเนินการพักใบอนุญาต เนื่องจากมีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ ส่วนการตรวจสภาพรถต่อจากนี้ จะต้องมีการติดตามในทุกๆ เดือนรวมถึงมอนิเตอร์เพื่อตรวจสอบว่ามีการดัดแปลงหรือเปลี่ยนแปลงสภาพภายหลังการตรวจหรือไม่
ขณะที่ ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนนมูลนิธินโยบายถนนปลอดภัย กมธ.เห็นตรงกันว่า ความปลอดภัยซื้อไม่ได้ด้วยราคา แต่ด้วยงบประมาณที่มีข้อจำกัด ในส่วนของการว่าจ้าง อาจจะต้องมีการปรับมาตรฐาน ซึ่งอาจจะลดลงมาคนละครึ่งกับผู้ประกอบการ ระหว่างราคาและกิโลเมตรที่จะวิ่ง และต้องมีการแยกประเภทนักเรียน ว่าแต่ละช่วงวัยควรใช้เวลาและระยะทางเท่าไหร่ รวมถึงการซ้อมวิธีการเอาตัวรอด และวิธีปฏิบัติในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ทั้งนี้ ในวันที่ 16 ต.ค.ที่จะถึงนี้ กมธ.จะมีการตรวจเยี่ยมกระทรวงคมนาคม และคงจะต้งหยิบยกเรื่องนี้ไปหารือกัน แต่ตนได้ส่งการบ้านไปแล้วว่าอยากเห็นแผนบูรณาการ หากเกิดเหตุการณ์ในกรณีเช่นนี้อีก ว่าจะสามารถลดความสูญเสียได้อย่างไร รวมถึงบูรณาการภาพรวม และแผนพัฒนาการขนส่งต่อไป
นายวุฒิชาติ ยังกล่าวถึงกรณีการจ่ายเงินประกันของบริษัทประกันภัยว่า ทางผู้ประกอบการแจ้งไว้ 20 ที่นั่ง แต่ความเป็นจริงมีมากกว่านั้น ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องไปถกเถียงต่อไป แต่เราคงยอมไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการต้องรับไป โดยมีการจ่ายไปแล้ว 90% คงเหลือเฉพาะจำนวนที่ไม่ลงตัวกัน เพราะจำนวนผู้โดยสารที่เกิดอุบัติเหตุมีมากกว่าจำนวนที่ทำประกันไว้ ส่วนจะเป็นความรับเห็นชอบของใครนั้น ต้องไปดูเรื่องข้อกฎหมาย
เมื่อถามว่า มีการเปลี่ยนจากน้ำมันดีเซลไปเป็นก๊าซในปีใด ก่อนหรือหลังมีการเปลี่ยนแปลงจดทะเบียน นายวุฒิชาติ ยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงหากเป็นไปตามมาตรฐานจะไม่ก่อให้เกิดอันตราย แต่หากมีการดัดแปลงหรือเปลี่ยนสภาพที่ไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรฐาน กรมการขนส่งทางบก คงต้องมีการลงโทษให้หนัก ยกเลิกใบอนุญาตประกอบการ
ส่วนรถบัสควรมีก๊าซได้กี่ถัง นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมขนส่งทางบก กล่าวเสริมว่า แล้วแต่สมรรถนะรถ แต่มีการกำหนดว่าสามารถใช้ได้กี่ถัง ซึ่งรถในลักษณะดังกล่าว ควรมี 5-6 ถัง เมื่อถามว่าเพลาหักจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้หรือไม่ นายเสกสม กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าเพลาหัก แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของกองพิสูจน์หลักฐาน เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเกิดจากน้ำหนักเกิน แต่ขอให้เราทางตำรวจรายงาน ส่วนตัวท่อที่หลุดออกมานั้น ผลการสอบสวนในเบื้องต้นยังไม่ออกมา ยืนยันว่า จำนวนคนจะต้องสอดคล้องกับจำนวนที่จดทะเบียน
แท็กที่เกี่ยวข้อง น้ำหนักเกิน ,ไฟไหม้รถบัส ,เพลาหัก