เพื่อนบ้านได้หลับสนิท หลังแม่รับตัวลูกชายคลั่งยาไปบำบัด แต่ยังหวั่น หวนกลับมาอาละวาด

จากกรณีเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เวลา 17.00 น. วันที่ 2 ก.ค.2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุชายคลุ้มคลั่ง ถืออาวุธมีดอาละวาด จุดไฟเผาบ้านตัวเอง เหตุเกิดภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จึงพร้อมนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.บางบัวทอง กว่า 10 นาย เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองใหม่บางบัวทอง รีบรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ  

จนกระทั่งเวลา 20.00 น.วันที่ 2 ก.ค.67 พ.ต.ท.ชนาธิป พานทอง รองผกก.ป.สภ.บางบัวทอง ได้เดินทางมาจุดเกิดเหตุภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ได้พูดคุยกับทางแม่ของนายอิ่ม ซึ่งเป็นข้าราชการครู ที่ได้เดินทางมาพูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ยกับลูกชายคือนายอิ่ม ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก่อนรับตัวนายอิ่มขึ้นรถไปดูแล และทำการบำบัดรักษาต่อเนื่อง

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่มาบริเวณจุดเกิดเหตุอีกครั้ง พบว่าภายในบ้านของนายอิ่ม อายุ 24 ปี ใส่กุญแจล็อกภายในบ้าน มีการเก็บของเรียบร้อย ส่วนบริเวณหน้าบ้านพบเศษขวดแก้ววางกองอยู่  

สอบถาม น.ส.กมลวรรณ ไทยวิชัย อายุ 59 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า หลังจากแม่ของนายอิ่มรับตัวไปแล้ว เมื่อคืนตนนอนหลับสนิท แต่มีการกังวล เพราะว่าคนที่อาศัยอยู่ก่อนบอกว่าเป็นแบบนี้หลายรอบแล้ว ไป 3 วัน 4 วันก็ปล่อยกลับมา ตอนนี้ยังมีความกังวล แต่ถ้าแม่ของนายอิ่มรับปากกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า จะไม่ให้ลูกเข้ามาอยู่ตรงนี้อีก ตนก็จะสบายใจมากขึ้น เพราะถ้ากลับมาอีกจะกระทำแบบนี้วนไปวนมาซึ่งมันน่ากลัวมาก

เมื่อวานมีการจุดไฟ ถ้าน้องไม่เห็นและลุกขึ้นมาสู้อะไรจะเกิดขึ้น มีหลักฐานเห็นว่ากำลังจุดไฟนำเชือกมาใส่กับน้ำมัน ถ้าเอะอะโวยวายอยู่คนเดียวในบ้าน ตนยังพอทนไหว แต่มาเจอเหตุการณ์จุดไฟแบบนี้ แล้วเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นมาลุกลามไปบ้านคนอื่น ที่เป็นทาวน์เฮ้าส์ติดกัน ซึ่งตนมีอาชีพขายของรับปริญญา นำธนบัตรมาทำเป็นรูปต่างๆ ซึ่งมันจะมีความเสียหายมาก เพราะติดไฟได้ง่าย ใครจะรับผิดชอบ

ที่ผ่านมาเคยได้ข่าวว่า นายอิ่มเคยมีภรรยา แล้วซ้อมภรรยาจนต้องเอารถพยาบาลมารับ ตอนนี้ตนสบายใจในระดับนึง แต่ยังมีความกังวลอยู่รอดูเหตุการณ์ว่าจะบำบัดได้กี่วัน ยังไม่สบายใจ 100% ถ้าปล่อยมาอีกครั้งนี้ตนไม่รู้จะอยู่ได้หรือเปล่า คงต้องย้ายบ้านหนี มีคนย้ายหนีไปแล้ว 2 หลัง เพิ่งขนของออกไป เมื่อ 2 วันก่อนนายอิ่มมาต่อยน้องบ้านตรงข้าม มีอาวุธด้วยดีที่น้องไม่สู้ถ้าน้องสู้อาจจะไม่มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้

ด้านนายเบ้น (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) อายุ 33 ปี ผู้เสียหายถูกนายอิ่มทำร้ายร่างกาย เปิดเผยว่า ตอนนายอิ่มอยู่ตนไม่กล้าออกจากบ้าน มองหน้าก็ไม่ได้ คุยกับใครก็ไม่ได้ถ้าเขาเห็นว่าคุยกับใคร เขาก็จะพยายามมาหาเรื่องตน เป็นแบบนี้กับทุกคน ตนออกจากบ้านเมื่อไหร่ถ้าเขาเห็นก็จะโดนทำร้าย คุยกับเพื่อนบ้านหาว่านินทาหาว่ายุเพื่อนบ้าน ซึ่งเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ตนยืนคุยกับเพื่อนบ้านอยู่ดีๆ นายอิ่มคลั่งยาเดินเข้ามาต่อยหน้าตนได้ 1 ครั้ง ตนก็ทำได้เพียงเอามือมาเพื่อป้องกันตัว ไม่พอแถมยังเอาเหล็กแทงตนที่หน้าท้อง 1 ครั้ง ตอนนี้ยังมีรอยช้ำอยู่

หลังเกิดเหตุตนไม่ได้ไปแจ้งความ เพราะเห็นแล้วบางครั้งก็นึกสงสาร แต่หลังจากเหตุการณ์เมื่อวานที่นายอิ่มมีการจุดไฟทำชาวบ้านแตกตื่น จนกระทั่งตำรวจมาแล้วประสานแม่นายอิ่มรับตัวไปดูแล ทำให้ตอนนี้รู้สึกสบายใจมากขึ้นรู้สึกปลอดภัย แถวนี้มีเด็กและคนแก่เยอะ อดทนมา 3-4 ปีแล้ว เป็นแบบนี้ตั้งแต่มาอยู่ จนตนต้องปล่อยบ้านให้คนอื่นมาเช่า เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย