สาวสองหวิดดับ! ถูกชายคู่ขาร่วมมือแฟนสาว รัดคอกรอกยาเบื่อหนู ชิงรถ-เงินสด หนีลอยนวล

อุกอาจ! สาวสองถูกชายคู่ขา คบหามา 1 เดือน ร่วมมือกับแฟนสาว รัดคอ กรอกยาเบื่อหนู ก่อนชิงรถ มือถือ และเงินสด หนีลอยนวล เพื่อนบ้านแจ้ง 191 ตำรวจ กู้ภัยให้การการช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลจนปลอดภัยแล้ว เผยถูกหลอกให้รักแล้วมาก่อเหตุลงมือเอาชีวิต ยืนยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด



ที่จังหวัดอุทัยธานี นายธนารีย์ หรือ ดุ่ย สาวประเภทสองวัย อายุ 54 ปี บ้านเลขที่ 58 หมู่ที่ 1 ตำบลเกาะเทโพ อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเป็นกระเทย ได้เล่าเรื่องราวของตัวเองให้ฟังว่าได้รู้จักกับนายนายชัยธวัช อายุ 30 ปี หรือนายอาม ซึ่งเป็นคนภาคใต้ อยู่ที่ตำบลท่าโพธ์ อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง ทางเฟซบุ๊ก แชตคุยกันแล้วเกิดถูกใจที่จะคบหากันในฐานะเป็นแฟนกันอย่างเปิดเผย ไปเที่ยวและไปกินข้าวด้วยกันมาตลอด และมีความสุขเป็นเวลากว่า 1 เดือน



จากนั้นนายอามก็ได้กลับบ้านไปแล้วก็มาอีกครั้งเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2567 (เวลา 17.30 น.) ที่ผ่านมา แล้วบอว่าได้ซื้อเค้กชื่อดังจากเมืองตรังมาฝาก 2 ก้อน และก็มีผู้หญิงมาด้วย 1 คน ซึ่งนายอามอ้างว่าเป็นน้องสาว แต่ด้วยนายธนารีย์หรือ ดุ่ย มองและดูพฤติกรรมแล้วผู้หญิงคนที่นายอามพามาน่าจะเป็นแฟนมากกว่า จึงถามไปตรง ๆ ด้วยความหึงหวงจึงเกิดการโต้เถียงกัน



จากนั้นนายอามบอกว่า มึงอยากไล่กูมานานแล้ว ก่อนคว้าผ้าขาวม้ามารัดคอดุ่ยจนเป็นรอย จากนั้นทั้งสองคนนายอามและผู้หญิงที่บอกว่าเป็นน้องสาว ก็ช่วยกันจับนายดุ่ยให้อ้าปากกรอกยา และบังคับให้กลืน และทั้งสองคนก็ได้นำเงินสดที่อยู่ในกระเป๋าไปจำนวน 15,000 บาท นำโทรศัพท์มือถือไป 1 เครื่องมูลค่าประมาณ 6,000 บาท และรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีเทา ขับหนีไปอย่างรวดเร็วและก็หายไปจนกล้องวงจรปิดของเพื่อนบ้านจับได้ว่าวิ่งผ่านไประหว่างหลบหนีไปอย่างลอยนวล



ส่วนเค้ก 2 ก้อนที่ยังเก็บไว้นั้น เชื่อว่านายอามและผู้หญิงที่อ้างว่าเป็นน้องสาวหิ้วมาฝากนั้นคาดว่าน่าจะวางยาพิษเอาไว้ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและมอบเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว



นายดุ่ย เล่าให้ฟังอีกว่า หลังจากที่ถูกวางยาแล้วก็เดินโซซัดโซเซไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านให้แจ้ง 191 ขอคว่ามช่วยเหลือส่งโรงพยาบาลอุทัยธานี ทางแพทย์ทำการล้างท้องให้แล้ว และปลอดภัยในที่สุด และแพทย์บอกว่าที่ถูกกรอกเข้าไปก็คือยาเบื่อหนู หากล้างทองไม่ทันก็คงเสียชีวิตอย่างแน่นอน



และในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นัดกับกระเทยดุ่ยเพื่อสอบถามข้อมูลและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับนายอามและผู้หญิงที่อ้างว่าเป็นน้องสาว ต่อไป ขณะเดียวกันนายเอ (นามสมมุติ) เพื่อนบ้านของดุ่ย เปิดเผยถึงวันที่เกิดเหตุให้ฟังว่า ดุ่ยเดินมาเคาะประตูและขอความช่วยเหลือด้วยเสียงอันแผ่วเบาคล้ายคนหมดแรงใหจากนั้นพอเปิดประตูมาก็เจอนายดุ่ยก็บอกว่าช่วยโทรแจ้งตำรวจและเรียกรถพยาบาลมาดังที่กล่าวและกล้องวงจรปิดของนายเอยังจับภาพระหว่างที่ก่อเหตุเสร็จแล้วได้ขับรถเก๋งของนายดุ่ยผ่านหน้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว



ส่วนนายบี(นามสมมุติ) เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้บ้านของดุ่ย เปิดเผยว่า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและมารู้ทีหลังว่าดุ่ยนั้นถูกกรอกยาและถูกขโมยรถยนต์ไปแต่ก่อนเกิดเหตุเห็นผู้หญิงคนหนึ่งวัย 30 โดยประมาณยืนอยู่ข้างบ้านดุ่ยเหมือนจะดูต้นทางและท่าทางมีพิรุธ แต่ตอนเกิดเหตุก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เพราะปิดบ้านอยู่กัน จึงไม่ค่อยได้ยินเสียง และที่เกิดเหตุที่เป็นบ้านของดุ่ยก็เป็นในห้องนอนในบ้าน ทำให้ไม่ได้ยินเสียงระหว่างที่เกิดเหตุเช่นกัน



ซึ่งนายดุ่ย จึงตัดสินใจตามหาผู้สื่อข่าวให้ช่วยนำเสนอเรื่องราวของตัวเองที่ถูกกระทำแบบนี้ และขอให้ทางตำรวจได้เร่งรัดดำเนินคดีโดยเร็ว หากเป็นไปได้อยากให้ตำรวจได้แจ้งข้อหาหนักก็คือพยายามฆ่า แถมยังขโมยทั้งรถยนต์และนำเงินสดไปอีก และล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุทัยธานีได้ทำการค้นหาที่อยู่และบ้านเกิดของนายอาม ผู้ก่อเหตุและผู้หญิงที่ร่วมก่อเหตุด้วย และได้โทรศัพท์ไปยังผู้เป็นแม่ของนายอามได้แล้ว แต่ทางแม่บอกว่าไม่มีส่วนรู้เห็นที่นายอามกระทำในครั้งนี้ และก็ยังไม่เห็นนายอามกลับมาที่จังหวัดตรังอีกด้วย