นายกเทศมนตรี หนองไม้งาม ลั่นไม่รู้เรื่องหักเงินโบนัสข้าราชการ 10% คาด พนง.ตกลงกันเอง

นายกเทศมนตรี หนองไม้งาม ลั่นไม่รู้เรื่องหักเงินโบนัสข้าราชการ 10% คาดพนง.ตกลงกันเอง ขณะการเงินแจงเอาเงินที่หักไปช่วยลูกจ้างที่ไม่ได้โบนัสและทำเสื้อกลุ่ม ปมคนสนิทนายกฯ ไลน์ทวงเงินที่ค้างจ่าย ยันไม่จริง

วันที่ 20 ธ.ค. 2566 จากกรณีเฟซบุ๊กปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้านได้โพสต์ข้อความ “นายกเทศมนตรีหนองไม้งาม จ.บุรีรัมย์ อ้างมติที่ประชุมขอหักเงินรางวัลประจำปี (เงินโบนัส) พนักงานทั้งเทศบาลคนละ 10 เปอร์เซ็นต์ อ้างว่าเอาไปเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลพนักงานจ้างเหมาบริการ ที่ไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินโบนัส โดยให้ลูกน้องคนสนิทส่งแชททวงตังค์เป็นรายคน ใครไม่จ่ายก็เดินทวงเก็บตามโต๊ะทำงาน จนต้องยอมจ่ายทั้งเป็นเงินสดและโอน ยอดจ่ายเงินโบนัส 66 กันเงินข้ามปีประมาณทั้งหมด 68 คน เป็นเงิน 1,480,000 บาท” ทำให้มีคนเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก หลายคนถามถึงความเหมาะสม และการละเมิดสิทธิ์ของเจ้าหน้าที่หรือไม่ และถือว่าเข้าข่ายการกระทำผิดในข้อใดหรือไม่

ล่าสุดนายชีวิต ใจใส นายกเทศมนตรีตำบลหนองไม้งาม ต.หนองไม้งาม อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ออกมากล่าวว่า การเรียกเก็บเงินโบนัสของข้าราชการในเทศบาลฯ ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น ไม่ทราบเรื่องเลย และไม่ได้เป็นคนสั่งการให้หักเงิน เพราะไม่ได้รับเงินส่วนนี้แม้แต่บาทเดียว

ด้านสิบเอกศุภกรณ์ ตุมผะกา เจ้าพนักงานธุรการปฏิบัติงาน เทศบาลตำบลหนองไม้งาม กล่าวว่า ยอมรับว่ามีการเรียกเก็บเงิน 10 เปอร์เซ็นต์จากข้าราชการจริงเพราะเป็นการตกลงกันเองในกลุ่ม เพื่อเอาเงินจำนวน 1,480,000 บาท แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเอามาเป็นค่าตัดเสื้อกว่า 100 ตัว ที่เหลือเอาไปแบ่งให้พนักงานจ้างเหมาบริการ ซึ่งกลุ่มนี้ตามระเบียบจะไม่ได้รับเงินโบนัส

ทั้งนี้เพื่อให้เป็นขวัญและกำลังใจให้กับพนักงานกลุ่มนี้ซึ่งมีอยู่ประมาณ 63 คน ที่ไม่ได้รับเงินโบนัส เพราะขัดต่อระเบียบ เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับผู้บริหารหรือนายกฯ แต่อย่างใด นายกฯมีอำนาจตัดสินเพียงอย่างเดียวคือจะให้หรือไม่ให้เงินโบนัสข้าราชการ

ส่วนผู้ที่ได้รับเงินโบนัส จะยอมจ่าย 10 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน เพราะเงินเข้าบัญชีทั้งหมด ไม่ได้หักจากต้นทาง ถามว่ามีคนที่ไม่ยอมจ่ายมีหรือไม่นั้น ไม่ทราบ กรณีมีข้อมูลว่าคนสนิทของนายกฯ เป็นคนเก็บเงิน ใครไม่จ่ายต้องไลน์ทวงถาม หรือไปถามถึงโต๊ะทำงานแล้วจำเป็นต้องจ่ายนั้น เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ขึ้นอยู่กับคนในกลุ่มจะมอบหมายใครให้เป็นคนถือเงินแค่นั้นเอง