เร่งล่าคนร้ายบุกยิงนายกเทศมนตรีรือเสาะ ดับคาห้องประชุม ตร.มุ่งปมสงสัย ขัดแย้งธุรกิจ-การเมือง

เกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้น ที่จังหวัดนราธิวาส เพราะคนร้าย 4 คน บุกเข้าไปยิงนายกเทศบาลมนตรีตำบลรือเสาะ ด้วยอาวุธสงครามจนเสียชีวิต ในห้องประชุมของห้างหุ้น ส่วนจำกัด แฮนด์ อินแฮนด์ จนเสียชีวิต ซึ่งนายกเทศมนตรีคนนี้ มีบทบาทสำคัญทั้งการผลักดันวิสาหกิจชุมชน เป็นเจ้าของโรงเรียนอนุบาลและงานด้านกีฬา โดยเป็นนายก สมาคมกีฬาจังหวัดนราธิวาส 2 สมัย ขณะที่ตำรวจตั้ง 4 ประเด็นสงสัย ที่อาจเป็นสาเหตุของการบุกยิงครั้งนี้



กล้องวงจรปิดบันทึกภาพคนร้าย 4 ขับ ขี่รถจักรยานยนต์มา 2 คัน เข้าไปในพื้นที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดแฮนด์ อินแฮนด์ ตำบลรือเสาะ อำเภอเรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส จากนั้น คนร้าย 2 คน มีผ้าคลุมผมเพื่ออำพรางเป็นผู้หญิง นำอาวุธปืนเอ็ม 16 บุกเข้าไปยิงนายวิเชษฐ์ ไทยทองนุ่ม อายุ 55 ปี ขณะนั่งในห้องประชุมของห้างหุ้นส่วนดังกล่าว โดยที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ตกอยู่ 19 ปลอก และที่ประตูทางเข้าโรงงานพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 อีก 2 ปลอก



เหตุการณ์นี้ทำให้นายวิเชษฐ์ ไทยทองนุ่ม เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จากนั้นถูกส่งไปโรงพยาบาลรือเสาะ เพื่อชันสูตรพลิกศพ อย่างละเอียด และมอบให้ญาตินำไปประกอบพิธีศาสนา ขณะนี้ตำรวจกำลังแกะรอยเบาะแสคนร้ายที่ปรากฎจากกล้องวงจรปิดและการสืบสวนจากพยานแวดล้อม เนื่องจากขณะเกิดเหตุมีคนงานทำงานอยู่เกือบ 100 คน และตำรวจเชื่อว่าคนร้ายมุ่งเป้าหมาย ทำร้ายนายวิเชษฐ์ เพียงคนเดียวโดยตรง หลังก่อเหตุแล้วก็ยิงปืนขึ้นฟ้าอีก 2 นัด เพื่อข่มขู่ไม่ให้คนอื่นติดตามแล้วก็หลบหนีไป สำหรับนายวิเชษฐ์ ไทยทองนุ่ม หรือ นายกฯอาร์ม เป็นนายกเทศมนตรีตำบลรือเสาะ 2 สมัย, เป็นนายกสมาคมกีฬาจังหวัดนราธิวาส 2 สมัย, เป็นกรรมการวิทยาลัย ชุมชนนราธิวาส และ เป็นที่ปรึกษา หจก. แฮนด์อินแฮนด์ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเสื้อผ้า ซึ่งจะมาทำงานที่โรงงานแห่งนี้เป็นประจำ และเป็นเจ้าของโรงเรียนอนุบาลรือเสาะ และเป็นผู้อำนวยการศูนย์ฝึกกีฬาวอลเลย์บอลจังหวัดชายแดนภาคใต้



ขณะที่พลโทไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 พลตำรวจโทปิยวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พลตรีเฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และพลตำรวจตรีไมตรี สันตยากุล ผู้บังคับการภูธรจังหวัดนราธิวาส ไปตรวจที่เกิดเหตุ โดยพลตำรวจโทปิยวัฒน์ ระบุว่าเจ้าหน้าที่ ตั้งปมเหตุไว้ 4 ประเด็น คือ

1. อาจมาจากปัญหาความมั่นคง

2. อาจมาจากปมเหตุในเรื่องของธุรกิจ

3. อาจมาจากปัญหาความขัดแย้งส่วนตัว

4.มาจากปัญหาเรื่องการเมือง ซึ่งให้น้ำหนักไปทุกประเด็น และจะเร่งติดตามให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว