สังคม
กู้ภัยหนีตายวุ่น! ญาติปิดข้อมูล ให้ไปรับผู้ป่วยคลั่งยา ใช้เลื่อยยนต์ ไล่ฟันรอบรถฉุกเฉินยับ
โดย nut_p
2 ธ.ค. 2566
264 views
กู้ภัยหนีตายวุ่น! เล่าเหตุการณ์ระทึกขวัญ ไปรับคนป่วยแต่เกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะญาติปกปิดข้อมูล ให้ไปรับผู้ป่วยคลั่งยา ใช้เลื่อยยนต์ ไล่ฟันรอบรถฉุกเฉินยับ
วันที่ 2 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในสื่อโซเชียลมีเดียของผู้ใช้เฟ๊ซบุ๊ก ชื่อว่า “โจโจ้ คนชิคชิค” ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กู้ชีพ ได้โพสต์เล่าเหตุการณ์ระทึกขวัญขณะไปรับคนป่วย แต่เกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะญาติปกปิดข้อมูล คนป่วยมีอาการคลุ้มคลั่ง ใช้เลื่อยยนต์พยายามทำร้ายเจ้าหน้าที่ และมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและแชร์ออกไปจำนวนมาก พร้อมระบุข้อความเอาไว้ว่า
30/11/66
#บันทึกไว้ว่านี่คือเหตุการณ์ระทึกขวัญที่สุด
19.45 น. รับเเจ้งจาก 1669 ชายไทยกินยาเบื่อหนู มีอาการปวดท้อง ให้กู้ชีพออกรับที่บ้าน ญาติเร่งให้รถออกรับโดยเร็ว บอกผู้ป่วยปวดท้องมาก
19.46 น. ซักถามอาการทางโทรศัพท์ ปฏิเสธการใช้ substance และพยายามบอกให้ทีมรีบไปรับโดยเร็ว
19.47 น. ทีมเดินทางออกรับผู้ป่วย โดยมีพยาบาล 1 คน AEMT 1 คน EMT-B 1 คนและ พขร 1 คน
20.15 น. ถึง scene บ้านผู้ป่วยต้องเข้าไปสุดซอย และเป็นซอยตัน มีชาวบ้านใกล้เคียงออกมาดูที่หน้าบ้านของตัวเองมากมาย บางคนออกมาเดินที่ถนนภายในซอยโดยมีท่าทีที่เเตกตื่น ในเวลาเดียวกันก็มีสุนัขจำนวน 3 ตัวเห่า เเละ พยายามวิ่งตามรถกู้ชีพซึ่งขัดขวางต่อการปฏิบัติงาน ทำให้ทีมไม่สามารถออกไปประเมินคนไข้ได้ เพราะ scene ไม่ safe
ระหว่างนั้นได้ยินเสียงดังตุ๊บ?! ที่หลังคารถ เหมือนของเเข็งกระทบที่หลังคา แต่มองไม่เห็นว่าเป็นอะไร เพราะรอบๆ เป็นป่ามืดสนิท ไม่มีแสงสว่างนอกจากเเสงจากตัวรถ และชาวบ้านเริ่มเเตกตื่น ต่อมาได้ยินเสียงเลื่อยยนต์ดังขึ้น... จากนั้นก็ได้ยินเสียงชาวบ้านตะโกนว่าอย่าทำเขา วินาทีนั้นสถานการณ์เริ่มไม่ดี จึงให้คนขับรถล็อกประตูและรีบถอยรถออกจาก scene ซึ่ง scene เป็นซอยตันเเละเเคบมาก ช่องทางเดินรถใช้เข้า-ออกทางเดียว
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังจากท้ายรถ พขร.มองจากกระจกมองข้างเห็นคนไข้ถือเลื่อยยนต์เข้ามาเฉือนกระจกประตูท้ายรถตู้ ซึ่งมี EMT-B อยู่ท้ายรถตู้ ซึ่งหลบได้ทัน ไม่ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นคนไข้ก็ใช้เลื่อยยนต์มาเฉือนกระจกด้านข้างซ้ำ ใกล้เคียงกับบริเวณส่วนหน้ารถตู้ที่มีเจ้าหน้าที่โดยสารอยู่
ขณะนั้นทุกคนในรถพยายามหลบที่พื้นรถเพื่อป้องกันอันตราย เเละร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวเหมือนกำลังเผชิญกับความอันตราย/ความตาย ทุกคนเพ่งมองไปรอบตัวรถ เเละมองว่าใครคือคนทำ เเละคนทำอยู่ทิศทางไหนของรถ ซึ่งเราไม่สามามารถมองเห็นได้เลย เพราะรอบข้างมืดสนิท เสมือนเราเป็นเป้านิ่ง! เราร้องขอความช่วยเหลือให้หยุดการกระทำที่รุนแรง แต่ไม่มีใครช่วยพวกเราได้ นอกจากพวกเราต้องรีบออกจากบริเวณจุดนี้โดยเร็วที่สุด
#ท้ายที่สุด พขร.ทำหน้าที่ได้ดีมาก พยายามกลับรถในช่องทางแคบอย่างรวดเร็ว และพาทุกคนออกจากพื้นที่อันตรายได้โดยปลอดภัย
#สรุปคนไข้คลุ้มคลั่งยาเสพติด
#ญาติปกปิดข้อมูลไม่ยอมบอกความจริง
#ขอบคุณสุนัข 3 ตัว ที่เห่าไม่ยอมให้ลงจากรถ
#วินาทีนั้นคือหวาดกลัวสุดๆ แต่พอรอดออกมาได้ทุกคนกอดให้กำลังกันเเละโล่งใจที่สุด
#ตอนนี้ทุกคนมีกำลังใจที่ดีแล้วไม่ได้ panic หรือ PTSD
#ขอบคุณพลังของERTreamที่คลี่คลายวิกฤตนี้ไปได้ด้วยดี
#1669ยังคงทำงานอย่างหนัก
#1669โทรได้กรณีอุบัติเหตุและเจ็บป่วยฉุกเฉินเท่านั้น!
#ขอความกรุณาหากพบคนคลุ้มคลั่งให้เเจ้งตำรวจไม่ใช่ให้รถพยาบาลออกรับ
#ขอความกรุณาอย่าปกปิดบิดเบือนความจริง
#ความเสี่ยงเกิดขึ้นได้ทุกเวลาเเละทุกวินาทีทุกคนที่ทำงานEMSโปรดศึกษาจากเคสนี้ด้วยนะ
#ทีมยังคงทำงานได้ปกติดีเพราะมีพลังใจที่แข็งแรงและเข้มเเข็ง
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยัง นพ.ไกรสุข เพชระบูรณิน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า ตนเองเพิ่งได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลวังทอง จ.พิษณุโลก และขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พร้อมจะลงพื้นที่ไปพูดคุยและสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งยังไม่สามารถให้รายละเอียดในเชิงลึกได้มากนัก
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้ก่อเหตุเป็นชายไทย อายุประมาณ 39 ปี ล่าสุดถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวเอาไว้ได้ พร้อมแจ้งข้อหาทำลายทรัพย์สินของทางราชการเอาไว้ก่อน ส่วนข้อหาอื่นๆ นั้นอยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมจะนำตัวผู้ก่อเหตุไปตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป