ระทึกกลางสี่แยก! รถพยาบาลเปิดไซเรนฝ่าไฟแดง ถูกแท็กซี่ป้ายเขียวชนพลิก ขณะนำส่งผู้ป่วย

รถพยาบาลเปิดไซเรนฝ่าไฟแดง ถูกแท็กซี่ป้ายเขียวชนพลิกคว่ำกลางสี่แยก ขณะรีบนำผู้ป่วยส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล



เมื่อวันที่ 29 เม.ย .2566โซเชียลและแฟนเพจใน จ.ภูเก็ต ได้มีการแชร์คลิปจากกล้องหน้ารถขณะเกิดเหตุรถตู้พยาบาลของ รพ.เอกชนใน จ.ภูเก็ตเปิดไซเรนนำผู้ป่วยส่ง รพ.เอกชนในเครือแล้วฝ่าไฟแดงบริเวณสี่แยกดาราสมุทร ถ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ตแล้วถูกรถแท็กซี่ป้ายเขียวชนจนทำให้รถพยาบาลพลิกคว่ำ เหตุเกิดเมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 28 เม.ย.66 จนมีการวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้างว่าใครผิด ใครถูก ระหว่างรถแท็กซี่ป้ายเขียวกับรถพยาบาลที่รีบนำผู้ป่วยส่ง รพ.ในเครือ



ทั้งนี้ ร.ต.อ.สุรชาติ ทองใย รอง สว.(สอบสวน) สภ.วิชิตขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่ใน สภ.ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเกิดอุบัติเหตุรถยนต์รับจ้างกับรถตู้พยาบาลเฉี่ยวชนกัน เป็นเหตุให้รถพยาบาลพลิกคว่ำที่จุดดังกล่าว ที่เกิดเหตุพบนายเอกลักษณ์ พรหมรัตน์ อายุ 37 ปี คนขับรถตู้ฉุกเฉินหรือรถพยาบาลของ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ยี่ห้อโตโยต้าสีขาว หมายเลขทะเบียน กว 3664 ภูเก็ต โดยได้รับบาดเจ็บไม่มากนัก และยังมีนายมามะเพาชี่ สือแม อายุ 34 ปี ผู้ป่วยที่อยู่ภายในรถพยาบาลได้รับบาดเจ็บเช่นกัน โดยรถพยาบาลได้รับความเสียหายบริเวณด้านข้าง ขณะถูกชนรถพยาบาลเกิดเสียหลักพลิกคว่ำบริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ ส่วนคู่กรณี คือ นายศุภชัย อาชาฤทธิ์ อายุ 35 ปี คนขับรถแวนยี่ห้ออีซูซุสีขายป้ายเขียว ทะเบียน ณข 633 ภูเก็ต โดยรถได้รับความเสียหายที่กระโปรงหน้ารถ



สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายเอกลักษณ์ขับรถพยาบาล โดยภายในรถรับผู้ป่วยมาจาก รพ.เพื่อนำส่ง รพ.ในเครือใกล้เคียง ซึ่งได้เปิดไซเรนฉุกเฉินมาตลอดเส้นทาง โดยมุ่งหน้ามาจาก ถ.เจ้าฟ้าตะวันตก เพื่อไปยัง ถ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 และเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้ขับฝ่าไฟสีแดง บริเวณสี่แยกดาราสมุทร เป็นเหตุให้นายศูภชัยซึ่งขับรถแวนอีซูซุมาจาก ถ.วิชิตสงครามมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ ต.กะทู้ อ.กะทู้ และเป็นไฟสีเขียว ทำให้รถเกิดการเฉี่ยวชนกันขึ้นดังกล่าว อย่างไรก็ดีขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงของอุบัติเหตุดังกล่าว โดยยังไม่มีการแจ้งข้อหากับฝ่ายใด ส่วนกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลว่า รถพยาบาลเปิดไซเรน เพื่อนำผู้ป่วยส่ง รพ.แต่ทำไมรถคู่กรณีไม่หยุดให้รถพยาบาลไปก่อน จนเกิดอุบัตินั้น ต้องว่ากันด้วยข้อกฎหมาย