สังคม
ฟ้องอดีตไวยาวัจกร หมิ่น ‘เจ้าอาวาสวัดสุทธิฯ’ สร้างเพจด่า-กล่าวหายักยอกเงิน 95 ล้านบาท
โดย chutikan_o
15 ส.ค. 2565
122 views
ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช แม่ทัพทนายกองทัพธรรม พร้อมด้วยนายนฤเบศ ปั่นแก้ว ทนายกองทัพธรรม ได้เดินทางมาที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (15 ส.ค. 65) หลังได้มอบอำนาจจากพระสุธีรัตนบัณฑิต (สุทิตย์ อาภากโร) เจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม ให้ยื่นฟ้องนายชาญณรงค์ เพียรดี อดีตไวยาวัจกรวัดสุทธิวราราม ซึ่งเป็นเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “ร่วมกันปกป้องเงินวัดอย่าให้พวกกาฝากในผ้าเหลืองมาผาน” โดยมีรูปหน้าเพจว่า “สุมหัวโกงวัด” ในข้อหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช กล่าวว่า นายชาญณรงค์ เพียรดี อดีตไวยาวัจกรวัดสุทธิวราราม ได้สร้างเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวขึ้นมา และเขียนบทความต่างๆ อีกทั้งใช้ภาพประกอบกล่าวหาใส่ร้ายพระสุธีรัตนบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 จนถึงปัจจุบัน กว่า 37 ครั้ง โดยกล่าวหาว่า “ยักยอกเงินวัด 95 ล้านบาท,บริหารงานวัดแบบแหกตาชาวบ้าน, ปล่อยให้สัปเหร่อที่เผาศพไม่หมดแล้วนำไปโยนทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยา, บิดเบือนความจริง และกล่าวหาว่าพระสุธีรัตนบัณฑิต กับคณะสงฆ์ รวมถึงเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติว่า “เ-ยเป็นทีม” เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดเป็นความเท็จ โดยพระสุธีรัตนบัณฑิต และคณะสงฆ์ ไม่เคยมีพฤติกรรมดังที่จำเลยได้กล่าวหา
โจทก์ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะสงฆ์และฝ่ายบ้านเมืองที่เกี่ยวข้องไว้แล้ว ซึ่งพบว่าไม่มีมูลตามที่กล่าวหา
แต่นายชาญณรงค์ ได้โพสต์ข้องความดังกล่าวอันเป็นเท็จ ถือเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ทำให้พระสุธีรัตนบัณฑิต และคณะสงฆ์ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากประชาชนที่ไม่ทราบความจริง เข้าใจผิดว่า เป็นพระไม่ดี มีเจตนาทุจริตยักยอกเงินวัด นอกจากนี้ นายชาญณรงค์ ยังร้องเรียนไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กองบังคับการบ้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ถึง 3 ครั้ง และเรียกสื่อมวลชนมาทำข่าวถึง 2 ครั้ง พยายามกลั่นแกล้ง เพื่อให้โจทก์สึกออกจากการเป็นพระ โดยไม่มีความสำนึกถึงบาปบุญคุณโทษ ส่วนมูลเหตุจูงใจที่ทำให้นายชาญณรงค์ ใส่ความพระสุธีรัตนบัณฑิต และคณะสงฆ์นั้น เป็นเพราะไม่พอใจกับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหารภายในวัดที่ให้เกิดความชัดเจนและมีระบบที่เหมาะสม
ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำที่ร้ายแรง ของคนที่ต้องการใส่ร้ายพระสงฆ์ และใช้การสื่อสารในโลกออนไลน์โจมตีการทำงานของฝ่ายที่ตนไม่พอใจ โดยปราศจากข้อเท็จจริง ดังนั้น สมควรที่ศาลจะลงโทษในสถานหนัก เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป และขอให้นายชาญณรงค์ลบโพสต์ ทั้ง 37 ครั้ง และให้ลงโฆษณาในสื่อฯ ทุกแพลตฟอร์มทั้งหมด 46 สื่อ โดยเสียค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด