สังคม

'เสี่ยบี' เปิดใจรับเครียดหนักกับเหตุการณ์ไฟไหม้ “เมาท์เทนท์ บี” ถึงขั้นชวนเมียจบชีวิต

โดย parichat_p

9 ส.ค. 2565

128 views

วันนี้ (9 ส.ค.) นายพงศ์ศิริ ปั้นประสงค์ อายุ 27 ปี พร้อม นางอนงค์นาถ ปั้นประสงค์ อายุ 30 ปี ภรรยา ในฐานะผู้บริหารร้าน “เมาท์เทนท์ บี” และนายอนุชา วงศ์ศรีรัตน์ ทนายความ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวหน้าสถานที่เกิดเหตุต่อสื่อมวลชน หน้าที่เกิดเหตุ เพื่อชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและแนวทางเยียวยาช่วยเหลือกลุ่มผู้ได้รับบาด เจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว


นายพงศ์ศิริ หรือ เสี่ยบี กล่าวว่าในขณะเกิดเหตุตนเองกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องทำงาน จนกระทั่งได้ยินเสียงระเบิดขึ้นจากภายในร้าน จึงวิ่งไปดูเมื่อทราบว่าเป็นเพลิงไหม้ก็ได้พยายามช่วยเหลือผู้ประสบเหตุทุกรายไม่ได้หนีหายไปไหนเลยกระทั่งเพลิงสงบ ซึ่งจากการเห็นภาพของผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่ก็ยังติดตาและจดจำไม่มีวันลืม อีกทั้งยังรู้สึกช็อคและเสียใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก


ถึงกระทั่งชักชวนภรรยาไปฆ่าตัวตายด้วยกัน แต่ภายหลังยังคุมสติไว้ได้จากนั้นจึงเดินทางไป สภ.พลูตาหลวง และถูกคุมตัวไว้ที่นั่น กระทั่งมีหมายจับจากศาลจึงถูกนำตัวลงมาคุมขัง จนวานนี้เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งศาล ทนายความจึงขอประกันตัวออกมาในวงเงิน 3 แสนบาท พร้อมติดกำไร อีเอ็ม ที่ข้อขาด้านซ้าย เมื่อออกมาได้ก็พยายามนำเงินไปช่วยงานศพผู้เสียชีวิต รวมทั้งพยายามหาหาเงินมารับผิดชอบและเยียวยาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตรายอื่นๆ ซึ่งยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด ส่วนที่ช่วยไปนั้นเป็นการเพียงการช่วยเหลือเบื้องต้นเท่านั้น


ส่วนนางอนงค์นาถ ภรรยาเล่าว่าช่วงเกิดเหตุยังนั่งทำงานอยู่เกี่ยวกับการเช็คสต๊อกอาหารในห้องด้านนอก ช่วงประมาณ 01.00 น.ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น จากนั้นก็เห็นเพลิงไหม้ภายในร้านบนหลังคา ก่อนจะวิ่งไปดูเมื่อเห็นไฟกำลังลุกไหม้และโหมอย่างรุนแรงก็ตะโกนบอกให้ทุกคนหลบหนี และให้พนักงานช่วยกันนำลูกค้าออกมา


โดยทางการ์ดของทางร้านก็ได้ตะโกนบอกให้ออกมาด้านนอกเพราะกำลังจะเกิดการระเบิดขึ้น จึงวิ่งเข้าไปหลบให้ห้องทำงานก่อนและบอกสามีก่อนจะแจ้งดับเพลิงและหน่วยกู้ภัยให้มาช่วยเหลือ ขณะนั้นก็เห็นคนเจ็บพากันวิ่งออกมาตามคลิปที่มีไฟลุกติดตามตัวก็เอาผ้าขนหนู ผ้าห่มมาคลุมและให้นอนพัก เมื่อไฟดับก็วิ่งออกมาตามหน่วยกู้ภัยเผ่อนเรียกให้เข้าไปช่วยเหลือคนเจ็บ ยอมรับว่าตกใจจนเกือบควบคุมสติไม่ได้


ส่วนที่มีการกล่าวว่าประตูด้านหลังถูกล็อคนั้น เรื่องนี้ก็ไม่ทราบว่าล็อคหรือไม่แต่ยืนยันว่าไม่เคยสั่งให้ล็อคประตูแต่อย่างใด ได้มอบหมายให้การ์ดเป็นผู้ถือดูแลและถือกุญแจไว้แต่ โดยจะปิดไว้เฉพาะเวลาร้านปิดเท่านั้น แต่วันเกิดเหตุล็อคหรือไม่อย่างไรไม่ทราบ เพราะการ์ดที่ถือกุญแจได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ยังคงรักษาตัวอยู่ ส่วนที่ว่าล็อคเพราะกันลูกค้าหลบออกไปนั้นเรื่องนี้คงไม่ใช่เพราะทางร้านมีการเก็บเงินสดอยู่แล้ว


ยืนยันว่าไม่เคยสั่งให้ล็อคเพราะรู้ว่าเป็นประตูหนีไฟแต่อย่างใด ขณะที่ประตูอีกฝั่งตรงข้ามกัน บริเวณห้องน้ำก็มีประตูเข้าออกที่ติดไฟแจ้งไว้ว่าเป็นประตูหนีไฟก็ไม่เคยล็อค เพราะมีการส่งของเข้ามาด้านในตลอดเวลา


นางอนงค์นาถ กล่าวเพิ่มเติมทั้งน้ำตาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะเทือนใจอย่างมาก จนนายพงศ์ศิริ สามีมาบอกว่าทนรับสภาพแบบนี้ไม่ไหว และชวนกันไปฆ่าตัวตาย เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงแบบนี้ขึ้น และร้านก็เปิดได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น และที่ผ่านมาก็เข้ามากำกับดูแลและตรวจเช็คระบบทุกวัน


ทั้งระบบไฟ เสียง และความปลอดภัย โดยมีการ์ดจำนวน 8 คนประจำตามจุดต่างครบถ้วนเพื่อให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆขึ้น อย่างไรก็ตามก่อนวันเกิดเหตุมีโคมไฟภายในร้านตกใส่ลูกค้า จึงได้แจ้งให้พนักงานพาไปหาหมอและทางร้านชดใช้ค่ารักษาพยาบาลให้ ต่อมาจึงแจ้งช่างให้มาตรวจสอบและซ่อมแซมกระทั่งแล้วเสร็จ


สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นทางเราจะพยายามเยียวยาทุกคน ซึ่งได้ปรึกษาทางทนายความส่วนตัวและญาติแล้วว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งเบื้อต้นก็พยายามหาทรัพย์สินก่อนเพื่อนมาใช้ก็ยืนยันว่าจะเยียวยาเต็มที่ ทั้งนี้ต้องขออภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆยอมรับว่าจากนี้คงจะเปิดกิจการร้านอาหารด้านหน้าเหมือนเดิม ส่วน เมาท์เทนท์ บี คงจะปิดถาวร ส่วนที่จะเปิดร้านด้านหน้าก็เพราะสงสารพนักงานรวมกว่า 60 ชีวิตที่ต้องตกงานจึงอยากจะช่วยเหลือด้วย


ด้านนายอนุชา วงศ์ศรีรัตน์ ทนายความ ขณะนี้พยายามอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลือและเยียวยาผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บทั้งหมด แต่ส่วนตัวแล้วเกรงว่าอาจจะไม่ทั่วถึงเพราะมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก จึงอยากวิงวอนให้ผู้ที่มีความรู้ด้านกฎหมายเข้ามาช่วยในการเจรจาร่วมและไกล่เกลี่ยเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหาย ทั้งนี้เบื้องต้นได้แจ้งผ่านไปทางสภาทนายความศาลจังหวัดพัทยา เพื่อให้รับเรืองร้องเรียนจากทางผู้เสียหายและทำการรวบรวมและเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกันต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News