สังคม
มหากาพย์ขุดหัวข่า! ยายคิดว่าเป็นที่สาธารณะ ขุดมา 1 กำ เจ้าของที่โชว์โฉนด แจ้งลักทรัพย์ ปรับ 5 พัน
โดย paweena_c
21 ก.ค. 2565
6.7K views
มหากาพย์ข่า ยายวัย 70 ชาวสกลนคร ไปขุดหัวข่าเพื่อนำไปปรุงอาหาร คิดว่าเป็นที่ดินสาธารณะ แต่เจอข้อหาลักทรัพย์ เพราะที่ดินดังกล่าวมีเจ้าของ นำเอกสารครอบครองโฉนดที่ดินมาแสดง เรียกปรับ 5 พันบาท
กรณี เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 นางฉวีวรรณ ไทยเหนือ อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112 หมู่ 10 ต.พังโคน อ.พังโคน จ.สกลนคร มาพบ ร.ต.อ.ภัทรดร จันทบุตร พนักงานสอบสวน
สภ.พังโคน ตามหมายเรียก หลังตกเป็นผู้ต้องหา ในข้อหา "ลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป" โดยพฤติการณ์แห่งคดี คดีนี้ นางฉวีวรรณ ไทยเหนือ ผู้ต้องหาได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ มาบริเวณที่เกิดเหตุ และได้เข้าลักข่าในโฉนดที่ดิน ของนางนัดดา ภัทรพิสุทธิ์ อายุ 64 ปี ผู้กล่าวหา
ต่อมาผู้กล่าวหาได้พบนางฉวีวรรณฯ ขณะทำการลักข่าอยู่ และได้มีการพูดคุยทะเลาะกัน แล้วนางฉวีวรรณฯ ได้เอาข่าที่ลักไว้ขึ้นรถจักรยานยนต์ขับขี่หลบหนีไป ผู้กล่าวหาได้มาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนางฉวีวรรณฯ และได้เข้าพบพนักงานสอบสวน
อันเป็นความผิดฐาน "ลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป" เหตุเกิดที่โฉนดที่ดินเลขที่ 4424 เล่ม 140 หน้า 24 อ.พังไคน จ.สกลนคร เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2565 เวลาประมาณ 16.30 น. ซึ่งการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 336 ทวิ จากการสอบถาม นางฉวีวรรณ ไทยเหนือ ผู้ต้องหา แล้วให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ความคืบหน้าของเรื่องนี้ วันที่ 21 ก.ค.2565 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ นางฉวีวรรณฯ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหา ได้ยืนยันว่าตนเก็บข่าในที่ดินสาธารณะ โดยถอนข่ามากินกับน้ำพริก 1 กำ เพราะไม่มีความจำเป็นจะเข้าไปเก็บในที่ดินคู่กรณี เพราะในที่ดินสาธารณะก็มีข่าอยู่เต็ม ตนจึงได้ปฏิเสธ
ในขณะที่เพื่อนบ้านนับสิบ ก็ออกมายืนยันว่านางฉวีวรรณ เป็นคนดี ไม่เคยมีปัญหากับใคร ชอบช่วยเหลือสังคม ถ้าจะมาเรียกร้องค่าเสียหายคงไม่มีให้ แต่จะขอต่อสู้ตามกระบวนการในชั้นศาลต่อไป และเปรยกับคนใกล้ชิดว่าอยากฆ่าตัวตาย
ในขณะที่ พ.ต.อ.ภิญโญ สุทธิสาร ผกก.สภ.พังโคน ได้เรียกคู่กรณี ทั้ง 2 มาไกล่เกลี่ย เนื่องจากเห็นว่าเป็นคดีเล็กน้อย โดยมี ผญบ.หมู่ 10 ต.พังโคนมาเป็นพยาน โดยได้พูดไกล่เกลี่ยนานกว่า 1 ชม แต่ไม่เป็นผล ฝ่ายผู้กล่าวหาก็ยังยืนยันจะเอาเงิน 5 พันบาท ฝ่ายผู้ต้องหายืนยันไม่มีให้ สรุปทางตำรวจก็ต้องดำเนินคดีตามกระบวนการ แต่หากใครมีพยานหลักฐานอ้างอิงอะไรก็ให้นำมา ยินดีจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย