ป.ป.ช. เชิญผู้เกี่ยวข้องให้ข้อมูล ปม บ.เอกชนร้อง หน่วยงานราชการ ฮั้วประมูลจัดพิมพ์แบบเรียนปี 67

มีความคืบหน้าเรื่องการจัดพิมพ์แบบเรียนขององค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ องค์การค้า สกสค. ที่ถูกบริษัทเอกชนรายหนึ่งร้องเรียนว่าจัดซื้อจัดจ้างไม่โปร่งใส เอื้อประโยชน์ให้เอกชนบางราย จนก่อให้เกิดความเสียหายกับรัฐ ในการจัดพิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2567 เรื่องนี้ถูกร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน จนคณะกรรมมาธิการ ป.ป.ช. เชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพราะเชื่อว่าอาจมีการทุจริตเอื้อประโยชน์ให้เอกชนบางรายจริง



หนังสือร้องเรียนจากบริษัทรุ่งศิลป์การพิมพ์ ถูกส่งให้หน่วยงานหลายแห่ง เช่นสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. และ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือ สสวท.



เรียกร้องให้ดำเนินการตามกฎหมาย กรณีที่ สกสค. ประกาศจัดโปรโมชันลดราคาหนังสือเรียนและแบบพิมพ์ให้ตัวแทนจำหน่าย โดยระบุว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนซื้อสินค้าราคาถูก แต่นำไปขายให้สถานศึกษาและผู้ปกครองในราคาสูง ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 และระเบียบการบริหารงบประมาณแผ่นดิน พ.ศ.2562 ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการตามกฎหมาย



ย้อนกลับไปเดือนมีนาคม 2567 บริษัทรุ่งศิลป์การพิมพ์ เคยยื่นอุทธรณ์ผลการประกวดราคาจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2567 ของ สกสค. จำนวน 151 รายการ ราคากลางรวม 912 ล้านบาท โดยมีบริษัทเอกชน 9 ราย ชนะการประมูล



แต่บริษัทรุ่งศิลป์การพิมพ์ ซี่งเป็น 1 ใน 9 ที่ชนะการประมูล ร้องเรียนไปยังกรมบัญชีกลางขอให้ยกเลิกและจัดประกวดราคาใหม่ โดยระบุว่ามีการปิดกั้น ไม่โปร่งใส และเอื้อประโยชน์ให้เอกชนบางราย



การประกวดราคามีจุดที่ถูกตั้งข้อสังเกตหลายอย่าง เช่น การแก้ไขทีโออาร์หรือรายละเอียดการจัดจ้าง ในวันเดียวกับที่จัดประกวดราคา โดยเฉพาะเรื่องคุณสมบัติของกระดาษที่ใช้พิมพ์ เช่น



- กระดาษอาร์ตด้านความหนา 56.59 ไมครอน ถูกแก้ไขเป็น 56 - 59 ไมครอน ซึ่งอาจสร้างความสับสนให้กับผู้เข้าประกวดราคา เว้นเสียแต่ว่ามีกระดาษจัดเตรียมไว้ก่อนแล้ว

- กำหนดให้ยื่นเสนอราคาได้เพียง 1 รายการต่อกลุ่มหนังสือ เท่ากับผู้เสนอ 1 ราย จะเสนอได้เพียง 30 กลุ่ม จาก 151 รายการ

- เงื่อนไขเรื่องเวลาที่ต้องผลิตให้เสร็จภายใน 55 วัน แต่ไม่สามารถทำได้แม้จะเดินเครื่องพิมพ์ตลอด 24 ชั่วโมง





ข้อสังเกตอีกจุดคือการสุ่มตรวจหนังสือเรียนที่พิมพ์ตามทีโออาร์ในปี 2566 โดยเปรียบเทียบกับตัวอย่างหนังสือที่พิมพ์ในปีอื่น พบว่าใช้กระดาษไม่ตรงกับที่กำหนดไว้ เช่น ไม่เคลือบพลาสติก ซึ่งจะเสื่อมสภาพง่ายเมื่อนำไปใช้งาน



ข้อมูลและหลักฐานทั้งหมดนี้ถูกส่งร้องเรียนไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้ง สพฐ. และ สกสค. ซึ่งเบื้องต้นหน่วยงานราชการชี้แจงว่าดำเนินการอย่างถูกต้องตามขั้นตอนทุกอย่าง และยืนยันว่าการประกวดราคาเป็นไปอย่างโปร่งใส เป็นธรรม



ล่าสุดคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อมูลโดยเฉพาะตัวแทนจากกรมบัญชีกลาง เพราะเป็นเรื่องการปรับเปลี่ยนรูปแบบการประกวดราคาและการเปลี่ยนแปลงทีโออาร์ซึ่งอาจทำให้เอกชนบางรายได้ประโยชน์ และรัฐเกิดความเสียหาย