มติ ครม. เห็นชอบงบฯ ฟื้นฟูเชียงใหม่-เชียงราย หลังน้ำท่วมใหญ่ วงเงินกว่า 600 ล้านบาท

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรเห็นชอบ 39 โครงการฟื้นฟูพื้นที่อุทกภัยจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย กว่า 600 ล้านบาท รวมทั้งเห็นชอบเห็นชอบมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568 ส่วนการช่วยเหลือประชาชนภาคใต้ นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ 3 รัฐมนตรีมหาดไทยลงพื้นที่แล้ว



วันนี้ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจร ว่า ครม. เห็นชอบหลักการโครงการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยของจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ระยะเร่งด่วน 39 โครงการ วงเงิน 641.13 ล้านบาท



โดยให้จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย ขอรับการจัดสรรงบประมาณ จากปีงบประมาณ 2568 งบกลาง เป็นโครงการซ่อมแซมคมนาคม เขื่อนป้องกันตลิ่งและระบบการระบายน้ำรวมถึงโครงการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยว ส่วนจะมีการขยายมาตรการเพิ่มเติมเรื่องการท่องเที่ยวหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าจะให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้เสนอรายละเอียดต่อไป



นอกจากนี้ที่ประชุม ครม.เห็นชอบและรับทราบมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568 พร้อมกลไกการบริหารจัดการ เช่น ควบคุมพื้นที่เผาไหม้ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จ.กาญจนบุรี และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้ลดลง 25%

ควบคุมพื้นที่เผาไหม้จากการเผาข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และอ้อยโรงงาน ควบคุมการเผาในกลุ่มพืช เป้าหมาย เช่น นาข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อยโรงงาน ส่วนพื้นที่เขตเมือง ควบคุมให้ยานพาหนะและโรงงานอุตสาหกรรมให้ปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบ 100%



ส่วนการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ที่ประสบอุทกภัยอยู่ในขณะนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ นางสาวธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่อำนวยการช่วยเหลือประชาชนอย่างใกล้ชิด พร้อมระดมความช่วยเหลือจากนอกพื้นที่ไปเพิ่มเติม และบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ และได้สั่งการให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. จัดตั้งศูนย์ประสานงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีบทบาทเป็น ศปช.ส่วนหน้าภาคใต้เพื่อเป็นแกนกลางติดตามสถานการณ์และประสานความช่วยเหลือเข้าไปยังพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด



ซึ่งขณะนี้ ทุกภาคส่วนได้ระดมความช่วยเหลือทุกรูปแบบเข้าพื้นที่ เบื้องต้นกองทัพบก สั่งการกองทัพภาคที่ 4 พร้อมจิตอาสาพระราชทานลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ขณะที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จัดสรร เรือ รถบรรทุกขนย้ายผู้ประสบภัย เครื่องสูบน้ำ พร้อมเครื่องมือ 1,264 หน่วยพร้อมเฮลิคอปเตอร์ KA-32 เข้าช่วยเหลือประชาชน อีกทั้งยังระดมเครื่องจักรกลสาธารณภัยจากพื้นที่ที่ไม่มีสถานการณ์ เช่น ปภ.เขต 2 สุพรรณบุรี เขต 3 ปราจีนบุรี เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ และเขต 8 กำแพงเพชร เข้าสนับสนุนการปฏิบัติงานช่วยชาวใต้จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย