'ธนดล' นำคณะตรวจสอบ 'สวนท่องเที่ยว' จ.ชลบุรี อาจเข้าข่ายรุกที่ดิน ส.ป.ก.

ตรวจสอบ 'สวนท่องเที่ยว' เนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ จ.ชลบุรี ถูกร้องเรียนเเละตั้งข้อสงสัยว่า อาจมีบางส่วนตั้งอยู่ในเขตส.ป.ก. ซึ่งอาจจะเข้าข่ายการใช้พื้นที่ผิดวัตถุประสงค์ หรืออาจเข้าข่ายบุกรุกที่ดิน ส.ป.ก.หรือไม่ ในขณะที่คนดูเเลสวนเเห่งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้บุกรุก เพราะจุดที่เปิดรับนักท่องเที่ยวไม่ใช่ ส.ป.ก. เเต่เป็นที่สค.1 ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนขอออกโฉนด


กรณีครอบครอง-ทำประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. ก็ยังพบปัญหาอยู่ในหลายพื้นที่ ล่าสุด คณะทำงานขับเคลื่อนการตรวจสอบและพิจารณาความผิดเกี่ยวกับผู้ได้รับการจัดที่ดิน และผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบในเขตปฏิรูปที่ดิน เข้าตรวจสอบ 'สวนท่องเที่ยว' เนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ ที่ชลบุรี ซึ่งถูกร้องเรียนเเละตั้งข้อสงสัยว่า อาจมีบางส่วนตั้งอยู่ในเขตส.ป.ก. ซึ่งอาจจะเข้าข่ายการใช้พื้นที่ผิดวัตถุประสงค์ หรืออาจเข้าข่ายบุกรุกที่ดิน ส.ป.ก.หรือไม่ ในขณะที่คนดูเเลสวนเเห่งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้บุกรุก เพราะจุดที่เปิดรับนักท่องเที่ยวไม่ใช่ ส.ป.ก. เเต่เป็นที่สค.1 ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนขอออกโฉนด

พื้นที่เป้าหมายตั้งอยู่ที่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เปิดบริการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรวัฒนธรรม รู้จักกันดีในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะทัวร์ชาวจีน ที่ดูจะเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก เข้าเยี่ยมชมเเละร่วมทำกิจกรรมบนเนื้อที่ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 150 ไร่ ก่อนหน้านี้ถูกร้องเรียนเเละตั้งข้อสงสัยในประเด็นการครองครอง-ทำประโยชน์


การตรวจสอบนำโดย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ในฐานะประธานคณะทำงานฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วย ทั้ง ส.ป.ก. บก.ปปป. บก.ปทส.  ปปง.เเละดีเอสไอ


จากการตรวจสอบพบชายคนหนึ่งซึ่งรับเป็นผู้ดูเเลเเละเป็นหุ้นส่วนที่นี่ อ้างเข้าทำประโยชน์ภายใต้เอกสารสิทธิ์ สค.1 ไม่ใช่ ส.ป.ก.ตามที่ถูกตั้งข้อสังเกต เเละขณะนี้ก็อยู่ในขั้นตอนยื่นขอออกโฉนดจากกรมที่ดิน มีสำเนาหลักฐานมายืนยัน ที่ที่มาถูกต้องชัดเจน


ข่าว 3 มิติ พบว่า จุดที่ตรวจสอบเเยกเป็น 3 เเปลงในกรอบสีเขียว ข้อมูลจากคณะทำงานฯพบว่า ตั้งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน เเละเคยมีการรังวัดออกส.ป.ก.ให้เเล้วบางส่วน

เเต่เมื่อพิจารณาจากสภาพปัจจุบัน กลับพบว่าพื้นที่เกษตรกรรมส่วนหนึ่ง ถูกนำไปทำประโยชน์เชิงท่องเที่ยว จึงเป็นที่มาของการร้องเรียนเเละนำมาสู่การลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบ

นายธนดล ระบุว่าที่นี่เคยออกเอกสารการครอบครองที่ดินแบบ สปก. เเละเคยเเจ้งสละสิทธิ์ไปบางส่วน เพื่อขอเปลี่ยนไปใช้ที่ดินแบบสนับสนุนกิจการเกี่ยวเนื่อง เเต่เจ้าของพื้นที่อ้างว่า อาศัยสิทธิ์ทำประโยชน์ตามเอกสารสิทธิ์ครอบครอง แบบ สค.1 ซึ่งทับซ้อนในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ประเด็นนี้จึงต้องมีกระบวนการพิสูจน์ให้ชัดเจน

เพราะไม่ใช่เเค่ที่ชลบุรีเท่านั้น เเต่คณะทำงานฯยังพบปัญหาในลักษณะอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งจะต้องเข้าไปตรวจสอบอย่างเข้มข้น ด้วยเช่นกัน