เปิดผลตรวจซากรถบัสไฟไหม้ ยันล้อไม่ได้แตก แต่พบเพลาหัก-ก๊าซรั่ว

ผู้อำนวยการสำนักวิศวกรรมยานยนต์ กรมการขนส่งทางบก ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่ดูเเล-รับผิดชอบเรื่องนี้ เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการคมนาคมสภาผู้แทนราษฎร จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ-วิเคราะห์ ร่วมกับกองพิสูจน์หลักฐาน ยืนยันได้ว่า ล้อรถบัสไม่ได้เเตกหรือระเบิด เเต่พบเพลาล้อหน้าหัก-ครูดกับถนน



ระหว่างรายงานข้อมูล ยังเปิดภาพขนาดหน้าตัดและความเสียหายของเพลา รวมถึง ร่องรอยที่เกิดขึ้นบนพื้นถนน เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมาธิการ



ส่วนกรณีถังก๊าซ ผู้อำนวยการสำนักวิศวกรรมยานยนต์ นำผังการติดตั้งของรถบัสคันเกิดเหตุมาเปิดเผย ซึ่งพบว่ามีทั้งหมด 11 ถัง โดยถังที่ 1 – 6 อยู่ทางด้านหลังรถ ตามรายงานระบุว่า เป็นถังที่ขออนุญาตกับกรมการขนส่งทางบก



ถังที่ 7 อยู่ด้านหน้ารถฝั่งซ้าย / ถังที่ 8 อยู่หน้ารถฝั่งขวา / ถังที่ 9 อยู่ฝั่งซ้ายค่อนมากลางรถ / ถังที่ 10 อยู่ฝั่งขวา ในระนาบเดียวกัน เเละถังที่ 11 วางขนานกับตัวรถคั่นกลางระหว่าง ถังที่ 7,8 กับถังที่ 9,10



จากการตรวจสภาพรถ พบว่า ประตูด้านหลังฝั่งขวา คันโยกที่ใช้เปิดปิดภายในตัวรถยังใช้งานได้ปกติ และรถที่เกิดเหตุเป็นรถโดยสารชั้นเดียว พื้นที่ด้านล่างใช้เก็บสัมภาระ ที่น่าสนใจก็คือ ในจำนวนถังก๊าซ 11 ถัง พบว่าถังที่ 8 ซึ่งต่อเติมเพิ่มเข้ามาจากที่ขออนุญาต ท่อก๊าซหลุดเป็นเหตุทำให้เกิดก๊าซรั่ว



นอกจากนี้ยังมีสรุปมีการวิเคราะห์การเกิดอุบัติเหตุในเบื้องต้น พบว่า รถคันเกิดเหตุเป็นรถโดยสารชั้นเดียว ยางล้อหน้าซ้าย-ขวา ไม่พบร่องรอยการระบิด ประตูฉุกเฉินด้านหลังขวา สามารถใช้งานได้ มีอุปกรณืด้านความปลอดภัยครบ ได้แก่ ประตูฉุกเฉิน ทางออกฉุกเฉิน ถังดับเพลิง เเละค้อนทุบกระจก



ขณะที่พลตำรวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง ยืนยันผลในเบื้องต้น พบการรั่วไหลของก๊าซบริเวณส่วนหน้าของรถ ส่วนอะไรเป็นตัวที่ทำให้เกิดประกายไฟจนลุกลาม รวมถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดการรั่วไหลของก๊าซ ยังไม่สามารถยืนยันได้ แต่ก็มีข้อสันนิษฐาน 2 ประเด็น ยังไม่ขอเปิดเผย เพราะต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านระบบมาให้ข้อมูล และตรวจสอบในเชิงลึก โดยยึดหลักนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อหาข้อสรุปให้ได้ว่า อะไรเป็นชนวนทำให้ให้เกิดประกายไฟลุกลาม



มีรายงานว่า ในเอกสารของกรมขนส่งทางบก ที่ชี้เเจงวันนี้ ระบุด้วยว่ารถคันเกิดเหตุ ผ่านการตรวจสอบระบบก๊าซ CNG โดย บริษัทออลเทอร์เนทีฟ รีซอส เอ็นจิเนียริ่ง เมื่อ 20 กฤษภาคม 2567 อยู่ระหว่างประสานขอรายละเอียด นำมาประกอบการพิจารณา



ชชชชชชชชชช

เรื่องที่กรมการขนส่งทางบก นัดให้เจ้าของรถบัส ชินบุตร ทัวร์ หรือบริษัทชินบุตร เอนจิเนียร์ริ่งจำกัด ไปตรวจสอบภาพรถ หลังจากรถ 1 ใน 6 คัน เกิดเพลิงไหม้จนเกิดโศกนาฎกรรมดังกล่าว แต่ปรากฎว่าผู้ประกอบการไม่ได้นำรถไปตรวจสอบสภาพ ที่จังหวัดลพบุรีตามที่นัดหมาย กระทั่งเจ้าหน้าที่พบจากจีพีเอส ว่าไปจอดในอู่แห่งหนึ่งที่จังหวัดนครราชสีมา จึงตามไปพบขณะกำลังถอดถังก๊าซ NGV ที่ติดตั้งไว้เกินกว่าที่ได้รับอนุญาต